แต่อยากเอามารวบรวมไว้ เผื่อจะรำลึกความหลังเมื่อครั้งน้ำท่วม
อ่ะนะ
"สวัสดีครับ
วันนี้วันอังคาร พบกันตามนัด
อาจจะมาสายหน่อยนะครับ เนื่องจากมีภารกิจมากมายเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ปิดเทอมแล้ว
แต่ที่คณะ ( ทันตแพทยศาสตร์ ) ไม่มีปิดเทอมกะชาวบ้านเขาหรอกครับท่าน
เปิดตลอดกาล
หลังจากงานรับเสื้อกาวน์ที่ผ่านมา
ก็มีการสอบเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นไปทำฟันให้กับผู้ป่วยจริง ๆ เสียที
การสอบนี้เรียกกันง่าย ๆ ว่า "สอบขึ้นคลินิก"
การ "ขึ้นคลินิก"
ก็คือการไปปฏิบัติงาน ( รักษาผู้ป่วย ) นั่นเอง
สถานที่ก็คือ
"ตึกคลินิกรวม" ที่คณะนี่แหละครับ ไม่ใช่อื่นไกล
คณะทันตแพทยศาสตร์จุฬาฯ
นั้นพิเศษกว่าคณะทันตแพทยศาสตร์กว่าที่อื่นอยู่อย่างหนึ่งก็คือ
เรามีโรงพยาบาลเป็นของเราเอง เรียกว่า
โรงพยาบาลคณะทันตแพทยศาตร์ จุฬาฯ
และแยกเป็นเอกเทศ ไม่ยุ่งเกี่ยวหรืออยู่ใกล้กับคณะแพทยศาสตร์แม้แต่น้อย (
แต่เราอยู่ใกล้โรงพยบาลตำรวจ 555+ )
ต่างกับคณะทันตฯ
ของมหาวิทยาลัยอื่นอยู่บ้าง ที่คณะทันตฯ มักจะอยู่ติดกับคณะแพทย์
และเรียนร่วมกับคณะแพทย์หรือ ใช้สื่อการเรียนการสอนร่วมกันในบางวิชา
ว่าง ๆ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ละกัน
และจะแถมให้ด้วยว่า กว่าจะเป็นหมอฟันนั้นเขาเรียนกันอย่างไร ยากลำบากแค่ไหน หึหึ
วันนี้ขอฝอยเรื่องน้ำท่วมก่อนละกัน
เห็นเขาว่ากันว่าเป็นน้ำท่วมที่หนักที่สุดในรอบ 60 ปีเลยทีเดียว
ก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
ที่บ้านเคยน้ำท่วมครั้งหนึ่ง
ใครที่ไม่เคยถูกน้ำท่วมบ้านคงไม่รู้รสชาติว่าเป็นอย่างไร
เรื่องที่ลำบากที่สุดคือ เรื่องปากและเรื่อง ( ถ่าย ) ท้อง
เรื่องปากบางทีก็ไม่ลำบากเท่าเรื่องถ่ายท้อง
ขออภัยเถอะครับท่านเจ้าประคุณรุนช่อง จะขี้จะเยี่ยวแต่ละทีนี้ลำบากมาก ๆ
จะถ่ายลงน้ำก็ไม่ได้ประเดี๋ยวมันจะไหลย้อนมาหาเรา
ทำนองว่าทำอะไรไว้อย่างไรก็ได้อย่างนั้นนั่นแหละครับ
อีกอย่างหนึ่ง
ห้องน้ำนี้ต้องรีบหาเศษผ้าไปอุดคอห่านไว้ ไม่งั้นจะมีวัตถุของเรา ๆ
ทั้งหลายลอยออกมาจากที่นั้นได้ เหอ ๆ
ไปไหนก็ไม่ได้ ติดแหงกอยู่แต่ในบ้าน
นั่นก็ยังไม่เท่าไหร่ ครับ
หลังจากน้ำท่วมนั่นแหละจะรู้ว่านรกมีจริง
ตอนขนของขึ้นมันก็สนุกดีอยู่ ไม่ค่อยเหน็ดเหนื่อยเท่าไหร่
เพราะมันกลัวน้ำจะท่วม ร่างกายมันหลั่งสารอะไรต่อมิอะไรมาช่วยให้มีพละกำลัง
แต่ตอนขนของกลับนี่สิครับ เฮ้อ ! แทบไม่อยากจะขนเลยทีเดียว บางทีก็คิดเล่น
ๆ ว่า จะขนลงมาทำมั้ย ! ในเมื่อเดี๋ยวปีหน้ามันก็ท่วมเหมือนเดิมนั่นแหละ
ต้องขนกันอีกอยู่ดี
ขนของย้ายไปย้ายมานี่มันสนุกซะที่ไหนกัน
ยังครับอย่าคิดว่าความทุกข์ระทมข่มขืน เอ๊ย! ขมขื่น ( ขำจั๊ง :P อิอิ )
จะจบเพียงเท่านี้ ยังมีสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้อีก
ซึ่งก็คือ
การทำความสะอาดพื้นบ้านครับท่าน
บ้านใครเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูงก็ดีไป
แต่ถ้าเป็นบ้านแบบสมัยนิยมอย่างปัจจุบันที่เป็นสองชั้นชั้นล่างเป็นพื้นปูนนั่นแหละ
ขัดกันขี้แตกหละครับ
กว่าจะไสขี้โคลนออกไป
กว่าจะล้างแล้วล้างอีกล้างอีกก็ล้างแล้ว มันก็ไม่เสร็จซักกะที เหนื่อยเอาการ
นึก ๆ ไปก็เห็นคุณของบรรพบุรุษ ท่านรู้ดีว่าบ้านเมืองเรามันอยู่ที่ลุ่ม
หน้าน้ำน้ำจะท่วม ท่านก็ทำเรือนยกพื้นสูงเสีย
มีเรือผูกเสาบ้านไว้
น้ำท่วมมาทีก็ไม่เดือดร้อนอะไร ถ้ามันไม่ท่วมมิดหลังคาเสียอย่าง อยู่ได้สบาย ๆ
ไม่ต้องขนของขนอะไรให้วุ่นวาย ( เพราะคงไม่มีบ้านไหนเก็บของมีค่าไว้ใต้ถุนโล่ง ๆ
ของบ้านกระมัง )
แถมหน้าร้อนก็นอนสบายเพราะมันโปร่ง
ลมพัดสะบัดปลิวแลโกรกโชกโชยมาทีนึงก็เย็นไปที ไม่ต้องมี
แอร์คอนดิชั่นหรือพัดลงพัดลมให้รกบ้านรุงเรือน มีพัดไม้ไผ่สานลายงาม ๆ
อันเดียวก็เกินพอ
นึกไปบางทีก็สมน้ำหน้าตัวเองดีเหมือนกัน
ตามตูดฝรั่งเสียดีนัก ไม่ดูภูมิประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง
คนโบราณเขาทำอะไรไว้มันดีแล้ว มันเป็นภูมิปัญญา
เขาสังเกตสังกามาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
...นะ
มาถึงตรงนี้อย่างไรก็ไม่ทราบ พอแล้วครับท่าน เหนื่อย หุหุ "
จบเรื่องแต่เพียงเท่านี้ขอรับ
ทิวฟ้า ทัดตะวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น