อ่านตอนก่อนหน้านี้ คลิกที่นี่ครับ
4.
ชีวิตเป็นของมิยั่งยืนใช่อยู่หรือ
ผ่านไปสองร้อยขวบข้าว
ขมังธนูผู้หาญกล้ายังบ่มิเจ็บไข้แม้แต่น้อย
แปลกเหลือนัก
เผ่าพันธุ์ว่านเครือแต่ก่อนแต่ไรหาใครเหมือน
ลูกเต้าเติบใหญ่จนตายจากไปเสียแล้วก็มาก
เมียขวัญเมียมิขวัญก็ตายตกมิแตกต่าง
เมียเก่า ๆ ตายเมียใหม่ก็มีมาหนุนเนื่องอยู่มิขาดสายดุจดังแม่น้ำสายใหญ่มีน้ำไหลตลอดปีฉันนั้น
แผ่นดินผลัดเปลี่ยนมาจนคร้านเปลี่ยน
ต้นหญ้าเคยเหี้ยนเตียนข้างขอบคูสูงชลูดลู่ลมเล่นอยู่ไหว ๆ
กลิ่นแห่งความหลังแล่นมาระเรื่อยระริ้วลิ่วลอยรำ
นกร้องเรียกคู่อยู่หวานแหว่งด้วยแรงน้อยถอยเหลือแล้วนัก คู่ที่รักก็มิยังได้เห็น จะตายทั้งเป็นแล้วหรือไรก็ไม่ทราบ ปล่อยให้โดดเดี่ยวเดียวดายท่ามกลางโลกร้อนร้ายนี้หรือหนา
ขมังธนูปอกเปลือกผลไม้ป้อนแด่เมียสาวน้อยนวลสะคราญทางฝั่งขวาแขน
เอวแอ่นออดอ้อนออเซาะไพเราะจำนรรจาประสาหญิง
ชี้ชวนดูโน่นดูนั่นอยู่มิวาย
นางฝั่งซ้ายซบไหล่แข็งแรง ดวงตางามทั้งคู่ดุจฝันเฟื่องถึงเมืองสวรรค์
เสมือนหนึ่งกำลังเสวยทิพยารมณ์อยู่มิหย่อน
สิ่งใดเคยสูงย่อมต่ำลง สิ่งใดต่ำลงย่อมมีวันสูงขึ้น
แน่แท้แล้ว ๆ
บ้านเมืองเริ่มระอุด้วยแรงแล้งอีกคำรบ
...
ทิวฟ้า ทัดตะวัน
14/11/2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น