นี่ก็ปลายฝนต้นหนาวแล้ว
วันนี้ฟ้าครึ้ม ฝนตกปรอย ๆ ทั้งวัน
ว่าจะออกไปขับรถเล่นเสียหน่อย
ก็ไม่ได้ไป
ไม่ได้ไปมาหลายวันแล้ว
ตื่นเช้ามาวันนี้
รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว
ปวดเมื่อยไปหมด
ถ้าจะเป็น ไข้หัวลม
ไอ้ไข้หัวลมนี้มีมาแต่โบร่ำโบราณ
ที่บ้านตอนนี้ก็เป็นกันแทบทุกคน
สมัยก่อนข้าพเจ้าก็เคยเป็น
เป็นแล้วหายช้ามากถ้าไม่กินยา
มันจะไอค่อก ๆ แค่ก ๆ อยู่นั่นแหละ
สาเหตุหลักของการเป็นไข้นี้คือ
อากาศมันเปลี่ยน
จากอากาศชื้น ๆ ของหน้าฝน
กลายเป็นอากาศแห้ง ๆ ของหน้าหนาว
ร่างกายมันปรับตัวไม่ทันเป็นบางครั้ง
ข้าพเจ้าไม่ได้ไปหาหมอมาก็เกือบจะห้าปีหกปีเข้าไปได้
ไปหาหมอครั้งสุดท้ายเห็นจะเป็นตอนอยู่ปีสอง
ที่เป็นอีสุกอีใส
จากนั้นก็ไม่ได้ไปหาหมอเพราะป่วยไข้อีกเลย
เดี๋ยวนี้มีแต่หมอนั่นแหละชอบมาหาข้าพเจ้าเรื่อย
ด้วยเรื่องอื่น 555
เขาว่าการป้องกันไข้หัวลมก็ต้องกินดอกแค
ไอ้ดอกแคนี่สมัยก่อนบ้านข้าพเจ้ามีเยอะ
ไม่เคยกินหรอก
ข้าพเจ้ามันกินผักพื้นบ้านพวกนี้ไม่ค่อยเป็น
ไม่ได้กระแดะ
แต่มันไม่เคยกิน
มันเนื่องมาแต่สมัยเป็นเด็กที่พ่อแม่ตามใจ
กินอะไรก็กินไม่กินอะไรก็ไม่บังคับ
ดอกแคที่ว่านี้ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่ามันน่ากินตรงไหน
ดอกขาว ๆ เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
สวยเกินจะเอามากิน
จากการระลึกชาติได้
ข้าพเจ้าเคยถูกกล่าวหาว่า เป็นโรคขาดสารอาหาร
มันคงจะเป็นจริงเช่นนั้น
ถ้าถือเอาตามมาตรฐานการแพทย์ปัจจุบัน
ข้อเท็จจริงคือว่า
ข้าพเจ้าเลือกกินมาก
(แม้ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่)
กินนั่นไม่กินนี่ กินสิ่งนี้ไม่กินสิ่งนั้น
บางวันไม่กินข้าวไปเลยก็มี
เรื่องกินมันไม่ได้สำคัญในชีวิตข้าพเจ้ามาก
กินก็ได้ ไม่กินก็ได้
กินข้าวเหมือนแมวดม
กินแป๊บเดียวก็อิ่ม
ไม่เคยกินข้าวหมดจาน
กินเผื่อหมูเผื่อหมา
ผักก็กินไม่กี่อย่าง
ตอนเป็นเด็กเคยท้องผูกถูกสวนก้นมาแล้ว
ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้
มันปวดท้องมาก ปวดจริง ๆ ปวดทรมาน
ที่ระลึกขึ้นมาได้เพราะดูการ์ตูนชินจัง
ไอ้ชินจังมันท้องผูก
คนเขียนชินจังนี่มันช่างสังเกต
มันเอาเรื่องเด็กอายุห้าขวบมาเขียนได้ฮามาก
ก็อย่างว่า ญี่ปุ่นเวลาเขาทำอะไรเขาจริงจัง
รู้ลึกรู้จริงในสิ่งที่ทำ
เนื่องจากเป็นโรคขาดสารอาหาร
ครูก็เลยบังคับให้กินนม
แล้วต้องกินต่อหน้าครู
ห้ามเอากลับบ้าน
อีนมนี่มันน่าสะอิดสะเอียนมาก
กลิ่นฉุน ๆ (ความจริงมันก็ตั้งใจให้เป็นกลิ่นผลไม้อะไรนั่นแหละ)
ข้าพเจ้าก็ต้องไปที่ห้องครูอนามัยเพื่อกินนมให้ครูดูทุกเย็น ๆ
เป็นความทรมานมาก
ข้าพเจ้าจึงไม่ค่อยชอบกินนมมาจนทุกวันนี้
โรคขาดสารอาหารนี้ทำให้พ่อแม่ข้าพเจ้าตกใจมาก
กลัวหมอว่าเลี้ยงลูกไม่ดี
ทั้งที่ความจริงมันก็ไม่ใช่ความผิดพ่อแม่หรอก
มันเป็นความผิดข้าพเจ้าเอง
แต่ถึงยังไง
ข้าพเจ้าก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขท่ามกลางโรคขาดสารอาหาร
ไม่เห็นมันจะเป็นปัญหาตรงไหน
แถมเรียนหนังสือเก่งกว่าใคร ๆ ในห้องที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ซะอีก 555
เรื่องอาหารนี้สมัยก่อนตอนเป็นเด็ก ม.ปลาย งดข้าวเย็น
บางวันงดข้าวเที่ยงด้วย
กินข้าวมื้อเดียว
ความจริงอยากทำมานาตั้งแต่อยู่ ม.ต้นแล้ว
แต่ตอนนั้นพ่อแม่ไม่ให้ทำ
ม.ปลายชีวิตมันค่อนข้างอิสระ
อยากทำอะไรก็ทำ
น้ำหนักตอน ม.ปลาย สี่สิบเก้ากิโลกรัม
และยังคงสี่สิบเก้ากิโลกรัมมาจนถึงทุกวันนี้
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ชั่ง
ไม่รู้ขึ้นไปถึงห้าสิบแล้วหรือยัง
แต่น้ำหนักข้าพเจ้าก็ไม่เคยจะถึงห้าสิบสักที
แม้จะชั่งตอนกินอาหารเสร็จใหม่ ๆ ก็ตาม
ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแรก ๆ ก็ไม่กินข้าวเย็น
จนวันหนึ่งพี่รหัสพาไปเลี้ยง
ก็จำเป็นต้องกิน
ทีนี้กินแล้วมันไม่ย่อย เพราะมันไม่เคยกินมานาน
แล้ววันนั้นมันต้องไปซ้อมการแสดงพิธีปิดงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์
กินข้าวไปใหม่ ๆ
ต้องวิ่งด้วย อะไรด้วย
วิ่งไปวิ่งมา
ก็เลยอ้วกแตกอ้วกแตนใส่สนามกีฬาแห่งชาติ 555
แล้วอ้วกครั้งเดียวไม่พอ
เข้าไปอ้วกในห้องน้ำอีก
อ้วกจนหมดไส้หมดพุง
พวกพี่เขาก็ตกใจกันใหญ่
แต่เราก็เฉย ๆ
รู้ว่าไม่เป็นอะไร
แค่อ้วกไอ้ที่อาหารไม่ย่อยออกมา
จากนั้นมาก็เริ่มกินข้าวเย็น
เคยทดลองกินมังสวิรัติอยู่สามเดือน
รู้สึกไร้สาระและไม่ใช่แนวทางพ้นทุกข์แถมวุ่นวายผู้คนที่อยู่รอบข้างอีก
ก็เลยเลิก
กินแม่งมันทุกอย่างตั้งแต่บัดนั้นมา
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้กินข้าวเช้า
กินข้าวเที่ยง
ข้าวเย็นบางวันก็กิน บางวันก็ไม่กิน
กินผลไม้โดยมาก
อ้าว
พูดเรื่องไข้หัวลมอยู่ดี ๆ เลยมาซะไกล
มีคนไข้มาทำฟัน
แล้วเจอกันใหม่ครับ
Arty
15 10 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น