นานมากเหมือนกัน
นานจนเกือบลืม
แต่บางครั้ง
คนเรา
ก็ไม่ได้ลืมอะไรง่าย ๆ
หลายครั้ง
ที่ไม่เคยลืม
เพราะจดบันทึกเอาไว้
พอมาเปิดอ่าน
ก็เหมือนวันวาน
ยังเป็นอยู่
เหมือนเช่นนั้น
ไม่เปลี่ยนไป
เหมือนมันหยุดเวลาเอาไว้
เหมือนภาพถ่ายนั่นเอง
แต่นี่ไม่ใช่ภาพถ่าย
หลาย ๆ ที
ภาพถ่ายอาจจะไม่ได้บันทึกความรู้สึก
หรือความนึกคิดเอาไว้ทั้งหมด
แต่สมุดบันทึก
มันบันทึกเกือบทั้งหมดเอาไว้
ตัวหนังสือ ลายมือ
สถานที่ เวลา
ความรู้สึกนึกคิด
อารมณ์
หรือแม้กระทั่ง
ร่องรอยของความเป็นปัจจุบัน
ของอดีตตรงนั้น
มันคือทุกสิ่งทุกอย่าง
แค่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเท่านั้นเอง
เริ่มต้นเขียนนิยายเล่มใหม่ซะที
ก่อนจะเที่ยงคืน
ก็เขียนบทกวีไปสองบท
การใช้ชีวิตโดยลำพังก็ดีอย่างนี้นี่เอง
มีเวลาทำงาน
มีเวลาทำนั่นทำนี่เยอะ
ไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ
เมื่อกี้นี้ ตอนอาบน้ำ
วางแผนอะไรได้สักอย่าง
เป็นแผนการณ์เกี่ยวกับงบประมาณ
เริ่มรู้สึกว่า
เราต้องจริงจังกับงบประมาณเสียที
ต้องทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียบ้าง
ไม่ใช่มัวสำมะเลเทเมาอยู่
เพราะเอาเข้าจริง
คนอื่นที่เขาจริงจังกับชีวิต
หมายถึงจริงจังเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
เขาก็ร่ำรวยกันหมดแล้ว
เหลือแต่เราที่ยังยากจนอยู่
ไม่เก็บเงินให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียบ้าง
จริงแล้วเรื่องเงินเป็นเรื่องสุดท้าย
ของชีวิตเลยก็ว่าได้
ที่จะคิดถึงมัน
มันจะถูกคิดถึง
เมื่อหมดอะไรทุกสิ่งอย่างสำหรับคิดแล้วเท่านั้น
ไม่รู้ว่ามันเป็นวิถีแป๊ะซะอะไรของมัน
ที่มันไม่คิดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
แน่หละ
การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
หรือการเก็งกำไรนั่นนี่
ก็ทำอยู่บ้าง
แต่ความรู้สึกมันเหมือนไม่ใช่การหาเงิน
มันเป็นการหาประสบการณ์มากกว่า
เป็นการเล่นอะไรสักอย่างหนึ่ง
เหมือนเล่นเกม
พอชนะก็ดีใจ
ไม่เหมือนการทำมาหาเงินเลย
หรือว่าเรายึดติดเกินไปว่า
ต้องเหนื่อยจากการใช้แรงงานเท่านั้น
ถึงจะเรียกว่า ทำงานหาเงิน
ซึ่งความจริงมันก็ใช่
ทั้งที่ตำรับตำราทั้งหลาย
ก็สอนอยู่แล้วว่า
เราต้องให้เงินทำงานนะ
แต่ก็นั่นแหละ
หลาย ๆ ครั้ง
เราก็ชอบหลงลืมไปว่า
ต้องให้เงินทำงาน
ทั้งที่มันก็ทำงาน
เราเผลอคิดไปว่า
การให้เงินทำงานนั้น
มันออกจะไม่เป็นโลกแห่งความเป็นจริง
มันเป็นโลกปลอม ๆ
แต่เอาเข้าจริง
มันก็จริงนั่นแหละ
ถ้าเราเอาเงินจากตรงนั้นออกมา
แต่ปัญหาคือ ตราบใดที่เราไม่เอามันออกมา
มันก็ทำการทำงานของมันไปเรื่อย
โดยที่บางครั้งเราก็แอบน้อยใจไม่ได้ว่า
เมื่อไหร่พวกแกจะเลิกทำงาน
และมาอยู่กับฉันจริง ๆ เสียที
ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ประหลาดมาก
เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริง
ก็เหมือนกับฆ่าตัวตายทางอ้อม
บ้าหรือเปล่า
มันทำงานอยู่ดี ๆ
ไปทำให้มันเป็นเงินตกงาน
ตั้งใจไว้ว่า
ความรัดกุมเรื่องการเงินจะมีมากขึ้น
ไม่ปล่อยปละละเลย
หรืออีลุ่ยฉุยแฉกเหมือนแต่ก่อน
ที่อยากได้อะไรก็ซื้อ
อยากทำอะไรก็ทำ
เงินทองที่มันหามาได้ง่าย ๆ
มันดูเหมือนไม่มีคุณค่าอะไรเลย
หมดเปลืองไปกับสิ่งไร้สาระ
ที่คิดว่า
มันเป็นสาระ
แต่เอาเข้าจริง
ก็เป็นอะไรที่ไร้สาระ
นึกย้อนดูผลของมัน
ก็มีบ้าง
ที่เป็นตัวเป็นตนให้จับต้องได้อยู่
แม้จะไม่ค่อยพอใจก็ตาม
ซึ่งถ้าจะว่าตามภาษานักลงทุนก็ต้องบอกว่า
ROA ไม่ดีเลย
ROE ยิ่งแย่ไปใหญ่
ไม่รู้ติดลบหรือเปล่า
ต่อไปนี้ เมื่อหมดภาระบางอย่าง
กับสัญญาบางประการ
ก็คงจะเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ
กับการทำงานของเงิน
จะเข้มงวดกับพวกมันมากขึ้น
ใช้มันทำงานให้หนักขึ้น
ปล่อยสบายมานาน
จนเดี๋ยวนี้ชักอืดอาดยืดยาด
วันไหนตื่นสายนิดก็ชักจะอยากอู้งาน
แน่หละ
คิดว่า
พอจริงจังกับพวกมันเสียหน่อยบ้างแล้ว
ก็น่าจะทำให้ ROA ROE เพิ่มขึ้นมาบ้าง
ไม่งั้นก็ล่องลอยไปเรื่อย ๆ
เหมือนผักตบชวา
5555
Arty K
21 07 2557
นานจนเกือบลืม
แต่บางครั้ง
คนเรา
ก็ไม่ได้ลืมอะไรง่าย ๆ
หลายครั้ง
ที่ไม่เคยลืม
เพราะจดบันทึกเอาไว้
พอมาเปิดอ่าน
ก็เหมือนวันวาน
ยังเป็นอยู่
เหมือนเช่นนั้น
ไม่เปลี่ยนไป
เหมือนมันหยุดเวลาเอาไว้
เหมือนภาพถ่ายนั่นเอง
แต่นี่ไม่ใช่ภาพถ่าย
หลาย ๆ ที
ภาพถ่ายอาจจะไม่ได้บันทึกความรู้สึก
หรือความนึกคิดเอาไว้ทั้งหมด
แต่สมุดบันทึก
มันบันทึกเกือบทั้งหมดเอาไว้
ตัวหนังสือ ลายมือ
สถานที่ เวลา
ความรู้สึกนึกคิด
อารมณ์
หรือแม้กระทั่ง
ร่องรอยของความเป็นปัจจุบัน
ของอดีตตรงนั้น
มันคือทุกสิ่งทุกอย่าง
แค่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเท่านั้นเอง
เริ่มต้นเขียนนิยายเล่มใหม่ซะที
ก่อนจะเที่ยงคืน
ก็เขียนบทกวีไปสองบท
การใช้ชีวิตโดยลำพังก็ดีอย่างนี้นี่เอง
มีเวลาทำงาน
มีเวลาทำนั่นทำนี่เยอะ
ไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ
เมื่อกี้นี้ ตอนอาบน้ำ
วางแผนอะไรได้สักอย่าง
เป็นแผนการณ์เกี่ยวกับงบประมาณ
เริ่มรู้สึกว่า
เราต้องจริงจังกับงบประมาณเสียที
ต้องทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียบ้าง
ไม่ใช่มัวสำมะเลเทเมาอยู่
เพราะเอาเข้าจริง
คนอื่นที่เขาจริงจังกับชีวิต
หมายถึงจริงจังเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
เขาก็ร่ำรวยกันหมดแล้ว
เหลือแต่เราที่ยังยากจนอยู่
ไม่เก็บเงินให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียบ้าง
จริงแล้วเรื่องเงินเป็นเรื่องสุดท้าย
ของชีวิตเลยก็ว่าได้
ที่จะคิดถึงมัน
มันจะถูกคิดถึง
เมื่อหมดอะไรทุกสิ่งอย่างสำหรับคิดแล้วเท่านั้น
ไม่รู้ว่ามันเป็นวิถีแป๊ะซะอะไรของมัน
ที่มันไม่คิดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
แน่หละ
การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
หรือการเก็งกำไรนั่นนี่
ก็ทำอยู่บ้าง
แต่ความรู้สึกมันเหมือนไม่ใช่การหาเงิน
มันเป็นการหาประสบการณ์มากกว่า
เป็นการเล่นอะไรสักอย่างหนึ่ง
เหมือนเล่นเกม
พอชนะก็ดีใจ
ไม่เหมือนการทำมาหาเงินเลย
หรือว่าเรายึดติดเกินไปว่า
ต้องเหนื่อยจากการใช้แรงงานเท่านั้น
ถึงจะเรียกว่า ทำงานหาเงิน
ซึ่งความจริงมันก็ใช่
ทั้งที่ตำรับตำราทั้งหลาย
ก็สอนอยู่แล้วว่า
เราต้องให้เงินทำงานนะ
แต่ก็นั่นแหละ
หลาย ๆ ครั้ง
เราก็ชอบหลงลืมไปว่า
ต้องให้เงินทำงาน
ทั้งที่มันก็ทำงาน
เราเผลอคิดไปว่า
การให้เงินทำงานนั้น
มันออกจะไม่เป็นโลกแห่งความเป็นจริง
มันเป็นโลกปลอม ๆ
แต่เอาเข้าจริง
มันก็จริงนั่นแหละ
ถ้าเราเอาเงินจากตรงนั้นออกมา
แต่ปัญหาคือ ตราบใดที่เราไม่เอามันออกมา
มันก็ทำการทำงานของมันไปเรื่อย
โดยที่บางครั้งเราก็แอบน้อยใจไม่ได้ว่า
เมื่อไหร่พวกแกจะเลิกทำงาน
และมาอยู่กับฉันจริง ๆ เสียที
ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ประหลาดมาก
เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริง
ก็เหมือนกับฆ่าตัวตายทางอ้อม
บ้าหรือเปล่า
มันทำงานอยู่ดี ๆ
ไปทำให้มันเป็นเงินตกงาน
ตั้งใจไว้ว่า
ความรัดกุมเรื่องการเงินจะมีมากขึ้น
ไม่ปล่อยปละละเลย
หรืออีลุ่ยฉุยแฉกเหมือนแต่ก่อน
ที่อยากได้อะไรก็ซื้อ
อยากทำอะไรก็ทำ
เงินทองที่มันหามาได้ง่าย ๆ
มันดูเหมือนไม่มีคุณค่าอะไรเลย
หมดเปลืองไปกับสิ่งไร้สาระ
ที่คิดว่า
มันเป็นสาระ
แต่เอาเข้าจริง
ก็เป็นอะไรที่ไร้สาระ
นึกย้อนดูผลของมัน
ก็มีบ้าง
ที่เป็นตัวเป็นตนให้จับต้องได้อยู่
แม้จะไม่ค่อยพอใจก็ตาม
ซึ่งถ้าจะว่าตามภาษานักลงทุนก็ต้องบอกว่า
ROA ไม่ดีเลย
ROE ยิ่งแย่ไปใหญ่
ไม่รู้ติดลบหรือเปล่า
ต่อไปนี้ เมื่อหมดภาระบางอย่าง
กับสัญญาบางประการ
ก็คงจะเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ
กับการทำงานของเงิน
จะเข้มงวดกับพวกมันมากขึ้น
ใช้มันทำงานให้หนักขึ้น
ปล่อยสบายมานาน
จนเดี๋ยวนี้ชักอืดอาดยืดยาด
วันไหนตื่นสายนิดก็ชักจะอยากอู้งาน
แน่หละ
คิดว่า
พอจริงจังกับพวกมันเสียหน่อยบ้างแล้ว
ก็น่าจะทำให้ ROA ROE เพิ่มขึ้นมาบ้าง
ไม่งั้นก็ล่องลอยไปเรื่อย ๆ
เหมือนผักตบชวา
5555
Arty K
21 07 2557