ช่วงนี้ผมเหนื่อยมาก
บทกวีนี้แต่งเมื่อเช้า
วันนี้ท้องไส้ปั่นป่วนทั้งวัน
คล้ายอาหารไม่ย่อย
เมื่อคืนนอนไม่หลับ
ความเจ็บปวดของที่นั่น
๏ เป็นประหนึ่งเศษซากที่งดงาม
ที่สุกงอมของความง่ายแสนง่าย
คล้ายว่าคล้ายก็คล้าย
คล้ายว่าไม่คล้ายก็เช่นนั้น
เช่นกระแสสิ่งหนึ่งอุบัติ
บิดเบี้ยวราวรูปปั้น
แห่งช่างผู้เลิศฝีมือเหนือชั้น
สาปแช่งชั่วใส่ขณะสรรค์ ฯ
๏ เป็นประหนึ่งนักปราชญ์
ผู้แปร่งเปรื่องหากมิอาจกลั้น
ด้วยเหตุไม่รู้ทัน
ทะลักทะลุทะลวงทลาย
เทวษท้นท่วมไห้
หากห่อนห้ามการสลาย
เกิดขึ้นดำรงอยู่หรือตาย
ตวัดโอบอุ้มสู่อกทุกครา ฯ
๏ เป็นประหนึ่งการรอคอย
ความหวังเจิดจำรัสแจ่มจ้า
อันแกล้งเคลื่อนอย่างช้าช้า
จนชีพสูญก็ยังมิถึง
เหมือนหลงทางให้หลงท่า
จะชมให้ชื่นสักเทียวหนึ่ง
คลาดแล้วคลาดอีกเสียสะพรึง
แม้พักผ่อนมิเพียงพอที่เพลียพ้น ฯ
๏ เป็นประหนึ่งน้ำนิ่งใสลึกร้าย
อสรพิษพ่นพิษแสนล้านพ่น
หมายผู้ไร้เรือนยากจน
จ้วงดื่มอาบกิน
เกิดทุรนทุรายทุเรศ
รากราวฟ้ารั่วปิ่มจะสิ้น
ธาตุลม ไฟ น้ำ ดิน
เดือดดาลซ่านแตกทั้งสิบทิศ ฯ
๏ เป็นประหนึ่งความหอมหวานประโลมโลก
ผู้คนล้วนแล้วแต่เสพติด
โหยหาให้มาหาอยู่เนืองนิตย์
หนุนเนื่องหนุนนำทุกค่ำเช้า
รวยระรินรสสุคนธชาติ
โชยสู่เกล้าจนเหลือเกล้า
ความผ่อนบรรเทา
บำราศเร้นทุกเวลานาที ฯ
๏ เป็นประหนึ่งแม้นทุกสิ่งอย่าง
เหยียบย่ำไปไม่เลือกที่
ยังความปรีดี
ดื่มด่ำแด่ชนทั้งผอง
โปรยปรายปลิวละลิ่วร่วง
เริงรำบำเทิงเฉลิมฉลอง
รื่นล้ำทำท่าคึกคะนอง
แนบเนื้อในเนื้อสุขเหลือนัก ๚๛
ธัชชัย ธัญญาวัลย
เช้า วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น