ด้วยความไร้สาระและไม่มีอะไรจะเล่นแล้ว
ข้าพเจ้าจึงเล่นตัดขอบหนังสือ
วิธีการก็ง่ายมาก
แค่เอาหนังสือมาตัดขอบที่เป็นเหลี่ยม ๆ ออก
เพราะข้าพเจ้าสังเกตว่า
ไอ้ขอบเหลี่ยม ๆ นี่มันชอบยับ
(ความจริงมันอาจไม่ชอบ แต่มันจำเป็นต้องยับเพราะมันเหลี่ยม ก็ได้)
และอีกอย่างมันชอบทิ่มแทงเราเวลาเราต้องเอามาวางไว้บนตัวเวลาอ่านหนังสือ
ข้าพเจ้าจึงตั้งบริษัท เพื่อตัดขอบหนังสือโดยเฉพาะ
ลูกค้าผู้มาใช้บริการก็คือ ข้าพเจ้า
สินค้าคือหนังสือทุกเล่มที่มีในครอบครองนั่นแหละ
เมื่อลูกค้าซึ่งก็คือข้าพเจ้าไม่มีอะไรมาตัดแล้ว
ก็เป็นอันว่า บริษัทต้องปิดตัวลงอย่างไร้สาระ
ข้าพเจ้าไม่นึกว่า อีกสิบปีต่อมา
จะมีสำนักพิมพ์มีความคิดเช่นนี้ด้วย
สำนักพิมพ์นี้ได้ทำหนังสือขอบมนออกมา
ซึ่งข้าพเจ้าชอบมาก
และคิดว่า สำนักพิมพ์อื่น ๆ น่าจะทำตาม
เพราะประโยชน์ตกอยู่ที่ผู้อ่าน
แต่
ปัญญหาคือ ค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้นของสำนักพิมพ์
เพราะมันต้องเป็นบล็อกต่างหาก สำหรับตัดหนังสือเล่มนี้
เมื่อบริษัทปิดตัวลง
ข้าพเจ้าก็ว่างงาน และไม่มีอะไรทำ
จึงต้องหันไปทำอาชีพอื่น
เนื่องจากสมัยนั้น (ที่ข้าพเจ้าจำได้)
ภาพยนตร์เปาบุ้นจิ้นกำลังโด่งดัง
โดยเฉพาะจั่นเจา
ข้าพเจ้าไม่รอช้ารีบตั้งบริษัทผลิตพระจันทร์เสี้ยวสำหรับติดหน้าผาก
เพื่อผู้คลั่งไคล้เปาบุ้นจิ้นจะได้เอาไปแปะ
รวมทั้งหมวกท่านเปา
และกระบี่จั่นเจาด้วย
สินค้าข้าพเจ้าขายได้บ้าง
โดยข้าพเจ้าเป็นผู้ซื้อมาใช้เช่นเดิม
ที่ขายดีสุด คือ พระจันทร์เสี้ยว เพราะมันชอบหลุด
ส่วนหมวกท่านเปานั้น ก็ต้องซ่อมบ่อย ๆ
ทำให้ต้องตั้งบริษัทซ่อมหมวกท่านเปาขึ้นมาอีกหนึ่งบริษัท
ส่วนกระบี่จั่นเจานั้นเป็นงานฝีมือ ทำยากมาก
และต้องไปลักเอาไหมพรมที่แม่ใช้ถักปลอกหมอน(ยายใช้ทอผ้าห่ม)
มาทำเป็นพู่ห้อยด้วยอีกต่างหาก
กระบี่นั้นทำด้วยไม้ไผ่
เวลาไปรบกับโจร (ซึ่งก็คือต้นกล้วยและพงหญ้า)
กระบี่มักจะหักทุกครั้ง
ทำให้บริษัทผลิตกระบี่มีงานทำเสมอ
ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้ข้าพเจ้ามีงานทำด้วย
การเล่นเป็นท่านเปานั้นง่ายมาก
แค่นั่งอยู่เฉย ๆ แล้วใช้ไม้เคาะโต๊ะพร้อมกับแหกปาก
เสร็จแล้วโยนไม้หนึ่งอันพร้อมกับพูดว่า "ประหารรรรรร!!!"
เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง
ส่วนการเป็นจั่นเจานั้นยากหน่อย เพราะต้องกระโดดโลดเต้น
แถมยังต้องไปยืมวิชากระบี่มาจากเอี้ยก้วยอีก
จบตอนที่ ๒ แต่เท่านี้ก่อน (มีคนไข้มา หุหุ )
Arty Dhanyaawalaya
21 สิงหาคม 2553
3 ความคิดเห็น:
เก๋ชอบนะพี่ตี้
น่ารักดีออก
คราวหน้าถ้าเจอกันจะทักว่า
"เป็นไง ซ่อมหมวกถึงไหนแล้ว" ^^
555 ขอบคุณนะที่ชอบ
มันเป็นความบ้าบอของเด็กคนหนึ่ง
ซึ่งพอเราคิดถึงเขาแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้
ว่าแต่...แล้วเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ 5555
แสดงความคิดเห็น