"รถไฟ
ตา มา รถไฟ"
ข้าพเจ้าจำได้ว่าน้องของข้าพเจ้าต้องเรียนไอ้รถไฟนี่แหละ
สมัยเป็นเด็ก
ข้าพเจ้าไม่ได้เรียน รถไฟ
เรียน มานี มานะ
เป็นรุ่นสุดท้ายที่เรียน มานี มานะ
รถไฟโบราณคร่ำครึ ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง
ว่าไปแล้วจริง ๆ ข้าพเจ้าเคยขึ้นรถไฟฟ้าก่อนรถไฟซะอีก
ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าไม่ชอบรถไฟถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างนี่มากนัก
อาจจะมีอดีตชาติฝังใจอันใดข้าพเจ้าไม่รู้ได้
วันก่อนได้ยินข่าวทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ ตู้เย็น แอร์คอนดิชั่นเนอร์
และ หนังสือพิมพ์
ว่าจะมีการสร้างรถไฟความเร็วสูง
ความจริงข้าพเจ้าก็ได้ยินข่าวมานานแล้ว
แต่ก่อนได้ยินแค่สายกรุงเทพฯ-ระยอง
เดี๋ยวนี้ได้ยินหลายสาย
ทั้งสายเชียงใหม่ หนองคาย
ทั้งยังพิสดารจะมีร่วมลงทุนกับจีนด้วย
ข้าพเจ้าอยากให้มันเป็นจริงโดยเร็ววัน
ว่ากันว่าไอ้รถไฟความเร็วสูงนี่มันมีสองความเร็ว
คือ ๑๖๐ กม./ชม. อันหนึ่ง
และ ๒๕๐ กม./ชม. อีกอันหนึ่ง
ซึ่งทั้งสองความเร็วนี้มีงบประมาณในการสร้างต่างกัน
ต่างกันกี่แสนกี่หมื่นล้านข้าพเจ้าจำไม่ได้
จำได้แต่ว่า
ถ้าสร้างสายเชียงใหม่ จะมีความยาวประมาณ ๗๔๕ กม.
นั่นหมายความว่า ถ้าเราได้รถไฟความเร็วสูง ๒๕๐ กม./ชม.
เราจะสามารถเดินทางไปถึงเชียงใหม่ได้ภายในเวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง (หากมันไม่แวะจอดให้เราซื้อของฝากที่ไหนเลย)
มันน่าตื่นเต้นขนาดไหน ต่อไปเราจะไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจได้ไกลถึงเชียงใหม่ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
แทนที่จะไปได้แค่รอบ ๆ กรุงเทพฯ เช่น แถว ๆ ชลบุรี ระยอง อย่างที่เคยทำกัน
มันจะโรแมนติกขนาดไหนในความเป็นหนุ่มสาว ที่จะได้ไปออกเดทกันถึงเชียงใหม่
เมืองแห่งความโรแมนซ์ (ในช่วงระยะเวลาแค่วันหยุดวันสองวัน)
นึกไปแล้วมันช่าง......(ทำให้นึกถึงประเทศญี่ปุ่น)
เศรษฐกิจจะดีขนาดไหน การกระจายตัวของรายได้จะดีขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึง
เพราะหลักใหญ่ที่ได้จากการสร้างรถไฟคือ การขนส่งสินค้า
แล้วยิ่งถ้าเป็นไปทางภาคอิสาน จะยิ่งเริ่ดหรู เพราะที่เที่ยวแถวนั้นมีความพิสดารไม่น้อยไปกว่าที่อื่นใด
การเที่ยวทั่วไทยจะไม่ถูกจำกัดอยู่ที่ระยะทางอีกต่อไป
ความคึกคักของไทยแลนด์แดนสวรรค์กำลังจะอุบัติขึ้นครั้งยิ่งใหญ่
แน่หละ
ตอนนี้มันก็ยังเป็นแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ
กะอีแค่แอร์พอร์ตลิ้งค์กว่าจะได้ใช้ ก็ปาไปนานแสนนาน
ความจริงแอร์พอร์ตลิ้งค์มีกำหนดการเปิดใช้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ( ๒๕๕๒ )
แต่ด้วยความงี่เง่าอันใดไม่ทราบ มันก็ล่วงเลยมาจนบัดนี้
แต่ที่ข้าพเจ้าทราบมามันมีสาเหตุหนึ่งคือ ไม่มีคนขับ
และการฝึกคนขับนี้ต้องใช้ระยะเวลาประมาณอย่างน้อยก็ ๖ เดือน
แต่ตอนนั้นประกาศกันครึกโครม และ มีการทดลองวิ่งให้ประชาชนนั่งด้วย
ซึ่งประชาชนที่ว่านั้นเราก็ไม่รู้เขาคือใคร
เพราะพวกเขาประกาศกันตอนไหน ว่าต้องการอาสาสมัคร ไม่มีใครรู้
ก็ได้แต่สันนิษฐานกันว่า คงเป็นญาติโกโหติกาของมนุษย์เหล่านั้น
นั่นเรื่องแอร์พอร์ตลิ้งค์
ซึ่งความจริงยังมีเรื่องน่าอายกว่านี้อีก
ในกรณีที่ว่า ทำไมมันไม่สร้างเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าพญาไท
พูดแล้วเศร้าจนไม่อยากพูด
อาจจะมีคำถามเกิดขึ้นว่า แล้วตอนทดลองวิ่งใครขับ
คำตอบคือ เขาจ้างต่างชาติมาชั่วคราว
ชาติไหนข้าพเจ้าจำไม่ได้
นึกแต่ว่า ชาติหน้ากรูจะได้ใช้หรือไม่หนอ
หึหึ
รถไฟไทยจงเจริญ!
ทิวฟ้า ทัดตะวัน
๓๑ ๐๘ ๕๓
2 ความคิดเห็น:
อยากให้เป็นจริงได้ในสักวัน
หากแต่ระหว่างที่ความเร็วยังไม่สูงเท่าไหร่
ก็อาจใช้ความช้ามองยอดไม้รายทาง
และฝึกความอดทน
อย่างสูง
:)
ช่างเป็นมนุษย์ที่คิดบวกได้ตลอดเวลา 5555
แสดงความคิดเห็น