ว่ากันต่อเรื่องความตาย
ว่าไว้ในคราวก่อน
ว่าด้วยประเด็นการตายบางประการที่คุยกับมิตรสนิท
ว่าอย่างไร
เรื่องก็คือ เราไม่อาจเลือกเวลาตายหรือไม่อาจรู้ได้ว่าเราจะตายตอนไหนหากเราไม่มีญาณหยั่งรู้
เราควรทำปกติของจิตอย่างไรไม่ให้ตกอยู่ในภาวะที่ไม่มีสติก่อนจะตาย
อันจะสามารถนำพาเราไปสู่ภพใหม่ที่เรียกว่า อบาย
จิตที่กอปรไปด้วย ราคะ (โลภะ) โทสะ โมหะ ขณะตาย ตายแล้วย่อมไปสู่ทุคติ
การได้พูดว่า ฉันรักเธอ เมื่อจะขาดใจแม้เป็นความโรแมนซ์แต่ในภาวะจริง ๆ แล้ว คือทางไปสู่ทุคติทั้งสิ้น
หากเราได้เคยอยู่ในภาวะใกล้ตาย แล้วเรามีสติ นั่นย่อมเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีว่า เราจะทำใจเราให้มีสติได้หรือไม่เมื่อเราต้องตายจริง ๆ
และเราจะทำอย่างไรจึงจะมีสติระลึกได้ว่าต้องมีสติตอนกำลังจะตาย
เมื่อพญามัจจุราชมาปรากฏต่อหน้าเราเราจะยังสติของเราให้เป็นสัมมาสติได้อย่างไร
เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการฝึกหัด
เรียกโดยรวมว่า การเจริญสติก็มี การภาวนาก็มี หรืออื่น ๆ ก็มี แล้วแต่จริตภาษา
ข้าพเจ้าเคยครุ่นคิดในชั่วขณะหนึ่งเมื่อครั้งยังเด็ก
ข้าพเจ้าระลึกขึ้นมาได้
ข้าพเจ้าเคยสงสัยว่า ใครคือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคือใคร ความคิดที่ปรากฏอยู่นั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้คิดหรือใครเป็นผู้คิด แล้วคนอื่นจะมี "ผู้คิด" เหมือนข้าพเจ้าหรือไม่ ความคิดเกิดจากอะไร มาจากที่ไหน ตั้งอยู่แห่งใด และถ้าข้าพเจ้าตายแล้วผู้คิดนี้จะยังอยู่หรือไม่หรือจะไปที่ไหน และมันจะยังจำได้หรือไม่ว่าข้าพเจ้าคือข้าพเจ้า ฯลฯ
และเมื่อข้าพเจ้าเติบโตขึ้น ข้าพเจ้าก็แสวงหาคำตอบเหล่านี้มาโดยตลอด
ข้าพเจ้าศึกษาเรื่องสมอง เรื่องร่างกาย เรื่องการเกิด เรื่องการตาย เรื่องตายแล้วไปไหน
ยอมลงทุนเพื่อจะได้เข้าศึกษาในคณะที่ต้องผ่าอาจารย์ใหญ่ เพื่อจะได้เห็นว่าในร่างกายของมนุษย์มีอวัยวะที่เคยเรียนมาในแผ่นกระดาษหรือโมเดลโง่ ๆ อยู่ในนั้นจริงหรือไม่และเป็นอย่างไร
จนกระทั่งทุกวันนี้แม้ข้าพเจ้าจะทราบคำตอบอันเป็นที่น่าพอใจแต่ก็ยังไม่รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตัวเอง
รู้แต่เพียงว่ารู้แบบการอนุมานในลักษณะของสัญญา คือ ความจำได้หมายรู้เท่านั้น
ปัญญาแท้จริงหาได้เกิดไม่
แต่ข้าพเจ้าก็พอใจในคำตอบ
และรู้ได้ว่า ข้าพเจ้าผิดตั้งแต่ตั้งคำถาม 555
เพราะจากการอนุมานหากข้าพเจ้าตั้งคำถามนี้ต่อพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเป็นสัพญญูตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
ข้าพเจ้าคิดเอาตามความโง่ของตน(ด้วยเพราะพุทธวิสัยเป็นเรื่องสุดคาดเดา แต่ข้าพเจ้าก็อยากจะคาดเดาบ้างอะไรบ้าง)ว่า พระผู้มีพระภาคจะทรงตรัส
เธอตั้งคำถามผิดแล้ว เพราะอวิชาเป็นปัจจัยสังขารจึงมี เพราะสังขารเป็นปัจจัยวิญญาณจึงมี ฯลฯ
แม้ข้าพเจ้าจะไม่สงสัยในเรื่องเหล่านี้อีก
แต่ข้าพเจ้าก็ยังต้องศึกษาเรื่องเหล่านี้
เพื่อความแจ่มกระจ่างและลึกซึ้งกว้างขวาง
จึงเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าปรารถนาจะไปเรียนภาษาบาลี
เพื่อจะได้เข้าใจในเนื้อความแห่งไตรปิฎกไม่คลาดเคลื่อน
วันก่อนนอนหลับแล้วฝันไป ในฝันพูดถึงพญามัจจุราช
จากนั้นตัวข้าพเจ้ามีอาการเหมือนถูกไฟช็อต และในฝันนั้นเอง
ข้าพเจ้าฝันว่าปลายเท้าไปติดอยู่กับปลั๊กไฟ พยายามจะชักเท้าออกมา
ข้าพเจ้านึกแว้บไปถึงการถูกผีอำ หรือนี่จะเป็นการถูกผีอำรูปแบบใหม่ 555
มองไปทางด้านปลายเท้าคลับคล้ายมีบุรุษตัวใหญ่สีดำทะมึนยืนอยู่
ข้าพเจ้าภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยังไม่ถึงสองรอบดี อาการเหล่านั้นก็หายไปแล้วข้าพเจ้า
ก็ตื่นขึ้น
ตั้งแต่จำความได้ข้าพเจ้าเคยมีอาการถูกผีอำไม่น่าจะน้อยกว่าสองครั้ง
แต่ละครั้งก็รอดมาได้เสมอ
อาการผีอำของข้าพเจ้าน่าจะมาจากพักผ่อนน้อยมากกว่าเป็นผีอำจริง ๆ
เพราะบางครั้งข้าพเจ้าก็จะรู้ล่วงหน้าก่อนนอนได้ว่า
จะถูกผีอำ
ผีอำนั้นข้าพเจ้าไม่กลัวเท่าไหร่นักเพราะมีวิธีรับมือและแก้ไขให้หายได้โดยพลันในแบบฉบับของข้าพเจ้าเอง
ที่น่ากลัวคือ คนอำ มากกว่า
ข้าพเจ้าเคยมีความรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายอีกครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ข้าพเจ้าต้องติดเครื่องมือจัดฟัน
เป็นความทรมานของการไม่มีอากาศหายใจโดยแท้ ข้าพเจ้าจึงได้รู้ซึ้งถึงภาวะจะขาดใจได้แจ่มแจ้ง
แต่รู้วิธีทำความมีสติในขณะจะตายได้บ้างเล็กน้อย
ความจริงว่าด้วยเรื่องความตายยังมีอีกมาก
วันนี้เอวังแต่เท่านี้ก่อน (รู้สึกจะเทศนามากเกินไป 55555555)
ธัชชัย ธัญญาวัลย
๑๘ ๑๐ ๒๕๕๓
5 ความคิดเห็น:
โพสต์ของคุณจัสมินหายไปไหนแล้วล่ะ
เขียนใหม่ยาวเหมือนเดิม ส่งไปห้าหนแล้ว ไม่ปรากฎ
ทอสอบกับข้อความสั้น ๆ ซะก่อน ไปไหม
เราเขียนเมลพูดถึงความตายมาสองฉบับแล้ว ก็เลยคิดว่าอาจเป็นเพื่อนคนที่คุณทิวพูดถึง ^^
ที่จริงจัสก็ไม่ได้จมจ่อมอยู่กับความคิดเรื่องความตาย แต่เพราะมีเหตุการณ์มากระทบ เพื่อนรุ่นพี่ของพี่ชายที่สนิทกับน้องชายทางด้านดนตรีฟุบล้มลงตายที่ร้านเสื้อผ้าของเพื่อนที่สยามสแควร์ เหตุเพราะหัวใจล้มเหลว อายุสามสิบกว่าเองค่ะ เป็นเรื่องสลดใจมาก ทำเอาซึมไปเลย
เรื่องที่เกิดขึ้นกระตุ้นเตือนความจำ ความตายของคนชิดใกล้ เสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลวทั้งที่อายุยังไม่สามสิบเลย แล้วยังความตายของแม่เมื่อเดือนเกิดปีที่แล้ว ครบปีเมื่อวันที่สิบห้า
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้นึกถึงเรื่องความตาย ทั้งที่ไม่ได้จมจ่อมอยู่กับมัน
จัสมินกลัวเจ็บมากกว่ากลัวตาย ความตายคล้ายสุขสงบเหมือนเคลิ้มหลับ คล้ายกับเมื่อเรานอนเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน สู่ห้วงของการหลับสนิท และคงไม่ต้องฝันร้ายด้วย ...
ลูกพี่ตั้งคำถามกับตัวเองหลายคำถาม หาคำตอบจากคำสอนในพระพุทธศาสนา คำตอบที่ได้น่าจะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับคนธรรมดา ๆ อย่างจัสมินอาจกระจ่างจนเห็นแจ้งเมื่อวันตายมาถึง
ลูกพี่ถึงกับเรียนภาษาบาลีเพื่ออ่านและแปลจากพระไตรปิฏกด้วยตนเอง
เป็นเรื่องน่าทึ่ง ^^
ลกพี่พูดถึงความตาย การตั้งคำถาม การหาคำตอบจนถึงเรียนภาษาบาลี แล้วมาจบลงตรงเรื่องผีอำ ^^
จัสมินเองก็เชื่อว่า ผีอำ เกิดจากร่างกายเหน็ดเหนื่อยมากจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ขณะจิตยังตื่นอยู่ ครั้งหนึ่งทำการบ้านหนัก ยังนอนไม่ได้เลยดื่มกาแฟไปสองถ้วย คืนนั้นเป็นคืนที่ต่อสู้กับผีอำแบบมาราธอนเลยค่ะ กว่าจะขยับเขยื้อนตัวได้ เรียก พระเจ้า พระบุตร พระจิตอยู่นับครั้งไม่ถ้วน เป็นประสบการณ์เหลือเชื่อลืมไม่ลงเลยค่ะ
แต่ผีอำพี่ทิว เห็นเท้าตัวเองติดอยู่กับปลั๊กไฟ ช่างน่ากลัวซะจริงเลย แล้วยังไอ้ตัวดำ ๆ นั่นอีก
วันนี้จัสมินเปลี่ยนถ้อยความใน "อยากจะคุย" ค่ะ ถ้าว่างก็แวะไป เผื่อจะมีของฝากที่มีประโยชน์ไปให้จัสกับจันทร์เหมือนที่ผ่านมา
เขียนยาวเลย เขียนครั้งที่สองไม่เนียนเหมือนครั้งแรก แต่ข้อความเหมือนกันค่ะ อาจหลงลืมอะไรไปบ้างตามประสา
ที่เขียนในกระทู้ เห็นแวบๆ ทรมาณ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเยียนเสมอนะคะ ^^
~
มันแปลกดีนะ
เรื่องเท้า ก็เป็นแค่ความฝันครับ มันไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ จริง ๆ หรอก 555
นั่นซีคะ... ใครจะยอมให้มาอยู่ใกล้เท้า ..
ขำ ^^
...
แสดงความคิดเห็น