ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

ความยากจนของชาวนาไทยไม่เคยจางหาย (แค่กลายไปเป็นหนี้)



เหตุที่ต้องพูดเรื่องนี้


เพราะดันไปเห็นอะไรเข้าสักอย่าง


คือทุกวันนี้


เราจะได้ยินวาทกรรม  พอเพียง  เพียงพอ


แล้วเราก็จะเห็นชนชั้นกลางโลกสวย


เอาแนวความคิดนี้ไปยัดเยียดให้ชนชั้นล่าง


ไม่ว่าจะเป็นชาวนา  หรืออะไรก็แล้วแต่


แต่ที่ข้าพเจ้าจะพูดถึงคือชาวนา


เพราะชาวนาคือบรรพบุรุษของข้าพเจ้า




เหตุมันเกิดแต่เรื่องบัตรเครดิตชาวนา


หรือที่เรียกกันให้พูดยากกระดากปากกระดากใจว่า


บัตรสินเชื่อเกษตรกร


แน่น่อน


มันมีชนชั้นกลางมากมายหรืออาจจะแทบทั้งหมด


ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้


เพราะคิดว่า  เกษตรกรจะเอาไปรูดปรื๊ด ๆ


แล้วก็เป็นหนี้หัวโตไม่มีปัญญาจ่าย


แล้วก็เป็นปัญหาสังคมให้พวกเขาต้องปวดหัว


หรือต้องลำบากภาษีพวกเขาเพื่อมาพยุงส่วนนี้


นั่นคือความเห็นแก่ตัวร้ายกาจ




สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยินมาก็คือ


บัตรนี้เขาจำกัดเฉพาะซื้อปุ๋ย  เมล็ดพันธุ์  หรืออุปกรณ์ทางการเกษตร


นั่นหมายความว่าจะเอาไปรูดซื้อ  New iPad  ไม่ได้


หากประเด็นก็คือว่า


จะยากอะไร


ก็รูดซื้อปุ๋ยนั่นแหละ


สักสี่ห้าหมื่น


แล้วก็ไม่ต้องเอาปุ๋ย


เอาเงินแทน


แล้วเอาเงินไปซื้อ  New iPad  สิเออ


แน่ล่ะ


ณ  จุดนี้


ข้าพเจ้าเชื่อว่าชนชั้นกลางจำนวนมาก  ที่มีบัตรเครดิต


เคยทำ  เคยตุกติกเอาเงินออกมาใช้จากบัตรด้วยวิธีการนี้


และเป็นธุรกิจที่ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน


แค่มีเครื่องรูดบัตร


แล้วก็เงินสด


ทำเป็นว่าค้าขายสินค้าอะไรบังหน้าซักอย่าง


เกลื่อน


แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่รู้ก็คือ


วงเงินบัตรเครดิตชาวนานี่มันกี่บาท




อย่างไรก็แล้วแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ


เรื่องสำคัญก็คือ


ทำไมเกษตรกร  ต้องอยากได้ใคร่มีสิ่งเหล่านี้


ชาวนาทำไมต้องใช้จ่ายฟุ่มเฟือย  เกินเนื้อเกินตัว


อยากได้นั่นได้นี่ไม่สิ้นสุด


ไม่รู้จักพอเพียง


นี่คือสิ่งที่ชนชั้นกลาง  ด่า  ชาวนา


เป็นอันดับสองรองจาก


โง่




แต่ตามความคิดเห็นของข้าพเจ้า


ชาวนาไม่โง่หรอก


เขาฉลาด


และมีเชาว์ปัญญาด้วย


แค่ขาดโอกาสในการศึกษาตามแบบวิธีของตะวันตก


ที่พวกชนชั้นกลางร่ำเรียนกันแค่นั้นเอง


มันมีโครงการหนึ่ง


ของรัฐบาลประชาธิปัตย์ล่าสุด


ข้าพเจ้าจำได้


เป็นโครงการปลดหนี้นอกระบบ


คือถ้าใครมีหนี้นอกระบบก็เอาเจ้าหนี้มายืนยัน


เอาสัญญาอะไรมายืนยันกัน


แล้วก็ให้เงินไปปลดหนี้


แล้วมาชำระหนี้กับธนาคารแทน




อันนี้ชาวนาก็อยู่ในข่าย


แต่บางคนไม่มีหนี้


แต่อยากได้เงิน


เพราะเงินนี้ดอกเบี้ยต่ำ


เขาทำยังไงรู้หรือเปล่าครับ


ก็ไปให้ญาติ (ที่คนละนามสกุลกัน)


มาทำเนียนเป็นเจ้าหนี้ให้


อยากให้หนี้เท่าไหร่ก็ว่ากันไป


เพราะตรวจสอบไม่ได้นี่


จะตรวจยังไงกว่ายืมกันจริงหรือเปล่า


จะอ้างว่าตรวจบัญชีธนาคารก็ไม่ได้


เพราะชาวบ้านนิยมเงินสด


ยืมเงินกันเป็นแสนยังจ่ายสดเลย




จากนั้นก็ไปที่  ธกส.  แล้วก็ปลดหนี้กัน


ด้วยวิธีการนี้


ชาวนาก็ได้เงินมาใช้สบายใจ


เอามาทำอะไร


ต่อเติมบ้านใหม่  ซื้อมอเตอร์ไซค์  นั่นนู่นนี่


ส่งให้ลูกที่เรียนอยู่ตัวจังหวัด


สารพัด


อย่าคิดว่าทำไม่ได้


หรือคิดว่าข้าพเจ้านั่งเทียนเขียนตามจินตนาการ


เห็นมากับตา


จะบอกให้


คนข้าง ๆ  บ้านนี่เอง




แล้วถามว่า  ทำไมชาวนาต้องมีต้องซื้อสิ่งเหล่านี้


มึงไม่พอเพียงวะ


มึงซื้อทำไมมอเตอร์ไซค์  โลกร้อน  ไอ้ห่า


เดินไปสิ


หรือมึงขี่เกวียนไปก็ได้  กูเคยเห็นในหนัง


อ่านหนังสือ  ความสุขของกะทิ  เขาก็ไม่ได้ใช้เตาแก๊ส


ทั้ง ๆ  ที่เขาเป็นผู้ดีรวยจะตายห่าตายโหง




แล้วไง


ชาวนาในชีวิตจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างนั้นหรอก


จะให้พอเพียงได้ยังไงในเมื่อยังไม่มีอะไรเลย


ลูกก็ต้องส่งเรียน


เสื้อผ้า  หนังสือหนังหา  ค่าขนม  เท่าไหร่


ค่ากินค่าอยู่เท่าไหร่


ทำนาทั้งปี  น้ำท่วมซะอีก  อย่างนี้


บางคนที่นามีเท่าแมวดิ้นตาย


ทำไปให้ตายห่าอีกสิบชาติก็ไม่รวย


ถ้าไม่เกิดสสงครามโลกแล้วมนุษยชาติไม่ข้าวจะแดก  ต้องซื้อข้าวเม็ดละร้อยล้านน่ะ




แล้วก็ไปบอกให้เขาพอเพียง ๆ  วาทกรรมน้ำเน่า


เอามายัดเยียดให้ชนชั้นล่าง


ในเมื่อมันไม่มีมันก็อยากมี  อยากได้  อยากเป็น


ทฤษฎีมาสโลว์  มันก็บอกอย่างนั้น


ดูทีวีเห็นดารากินอะไรก็อยากกิน  อยากใช้


(อยากมีประเป๋าใบละสองล้านมั่งจะทำยังไง)


แต่ความจริงเขาก็ไม่ได้ต้องการมากมายขนาดนั้นหรอก


แค่อยากได้บ้านสวย ๆ  (ในสายตาเขา  เท่าที่เขาจะมีได้)


อยากมีรถขับ  อยากมีเสื้อผ้างาม ๆ


อยากมีทีวี  มีตู้เย็น  เครื่องซักผ้าบ้าง


อยากส่งลูกเรียนหนังสือสูง ๆ  ก็เท่านั้น


สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้ไกลไปจากความต้องการพื้นฐานเลย


เขาไม่ได้ต้องการถึงขนาดว่า  อยากไปเหยียบดวงจันทร์เล่นสักครั้ง


อยากออกนอกอวกาศบ้างสักหนในชีวิต  (จ่ายไม่อั้น)  ซะเมื่อไหร่




แล้วยังไงล่ะ


ในเมื่อรายได้มันก็เท่านั้น


ให้เขาไปทำอาชีพอื่นเหรอ


เขาเกิดมามีชีวิตอย่างนั้น


มันก็ต้องหาทางให้ได้เงินมามาก ๆ


ซึ่งก็คืออต้องยืมนั่นแหละว่าง่าย ๆ


แล้วมันก็ต้องเป็นหนี้


ถามว่าใครเอาสิ่งเหล่านี้ไปยัดเยียดให้พวกเขาล่ะ


ใครเอาไฟฟ้าไปให้


ใครเอาถนนไปหา


ใครทำละครน้ำเน่าเคลือบโฆษณา


กรอกหูกรอกตาประชาชน


(เออ  พูดไปพูดมาเป็นกลอนซะแล้ว 555)


แล้วถามหน่อย


ในเมื่อคนอื่นมี


อาชีพอื่นมี


ชนชั้นกลางมี


ชนชั้นชาวนาทำไมจะมีบ้างไม่ได้


มันไม่ใช่คนหรือไง


ขึ้นชื่อว่าคนมันก็มีกิเลสตัณหาด้วยกันทั้งนั้น


ในเมื่อชนชั้นกลางยังอ้างได้เลยว่า


อย่าดีดอย่าดิ้นไปหน่อยเลย


เดี๋ยวก็ตายแล้ว


แล้วไง


แล้วตอนที่ยังไม่ตายมันไม่มีสิทธิ์มีความสุขหรือ


มันไม่ต้องเท่าเทียมกันเป๊ะ ๆ  แบบในตำราหรอก


เอาแค่ให้มันมีการกระจายรายได้ไม่เหลื่อมล้ำมาก


ให้ชีวิตชาวบ้านมันไม่ต้องถลอกปอกเปิกมาก


ได้แค่นั้นก็ดีถมถืด






ข้าพเจ้ายังจำได้


พระป่าสายหลวงปู่มั่น  สมัยก่อน


เวลาไปสอนชาวบ้าน


ท่านไม่ได้อยู่ดี ๆ  ก็โพล่งธรรมะขึ้นมา


ท่านสอนกันอย่างนี้ว่า


เวลาไปสอนธรรมะชาวบ้านน่ะ


ให้ดูก่อน


อย่าไปสอนธรรมะเขาเลยทีเดียว


ไปสอนให้เขามีกินมีใช้ก่อน


สอนให้เขาทำมาหากินได้สุขสบายก่อน


แล้วค่อยสอนธรรมะทีหลัง


นี่ไง  วิถีอริยะที่แท้จริง






ธัชชัย  ธัญญาวัลย
๒๙  ๐๗  ๒๕๕๕



ไม่มีความคิดเห็น: