เรื่องนี้พิมพ์รวมอยู่ใน นิทานจัญไร ฉบับเล่าใหม่
และพิมพ์รวมอยู่ใน เช้า-สาย บ่าย-เย็น
นำมาให้ทุกท่านอ่านกัน ณ ที่นี้
แด่ความรื่นรมย์ในวันอาทิตย์ครับ
เจ้าชายกื้ก
“‘ข้าคือเจ้าชายกื้ก ข้ามาจากดาววายไอซียูกื้กกื้ก’ มันพูดว่าอย่างนี้แหละครับท่านดอกเตอร์” ชายหนุ่มร่างใหญ่แต่ใจเล็ก พูดกับชายหนุ่มร่างเล็กแต่ใจใหญ่
“คุณแน่ใจหรือว่ามันตกลงมาจากฟ้าจริง ๆ” ท่านดอกเตอร์ถาม เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุบนท้องฟ้า ร่ำเรียนมาจากเมืองนอกเมืองนานู่น ปัญหิ คือชื่อของเขา ดอกเตอร์ปัญหิ
“จริง ๆ ครับ ผมสาบานให้น้ำท่วมโลกก็ยังได้ครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง นายหูลู่ แซ่จึง ชายผู้ไร้งานทำของโลกยุคไซเบอร์
“แปลก” ดอกเตอร์ว่า
“ปกติวัตถุที่ตกลงมาจากท้องฟ้า จะต้องเสียดสีกับชั้นบรรยากาศจนลุกเป็นไฟ”
“ผมทราบกฎเกณฑ์ข้อนั้นดีครับ แต่ว่าไอ้เจ้านี่มันตกลงมาที่หลังคาบ้านผมจริง ๆ”
“และมันพูดได้” ชายร่างเล็กพูดเป็นเชิงถาม
“ครับ มันจะพูดเมื่อเวลา 24.00 น. เท่านั้น เพียงหนึ่งครั้งในหนึ่งวันครับดอกเตอร์”
“เวลาอื่นไม่พูดเลย” ย้ำเพื่อความแน่ใจ และอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่านี้นั่นเอง
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“งั้นเรารอดูคืนนี้”
วัตถุประหลาดรูปร่างทรงกลม สีเหมือนถ่านหินตอนถูกเผาไฟ ขนาดประมาณเท่านิ้วหัวแม่เท้า มันตกลงมาที่หลังคาบ้านของเขา นายหูลู่ แซ่จึง หนึ่งในประชากรของมณฑลกื๋อลื่อ เมืองแห่งสายลมและแสงแดด
ดอกเตอร์ปัญหิ นักวิทยาศาสตร์ผู้ปรารถนาความโดดเด่นและโด่งดัง ทำงานที่ศูนย์อวกาศแห่งชาติกื๋อลื่อ หรือที่รู้จึกกันในนาม “สถาบันอึกหลึก” อันเป็นศูนย์อวกาศที่ใหญ่ที่สุดในโลกใบเล็ก ๆ ของที่นี่
นายหูลู่ครอบครองวัตถุประหลาดนี้มาเป็นเวลาสามวันแล้ว ก่อนที่จะเดินทางมาที่สถาบันอึกหลึก
ทุกคืนเวลาเที่ยงวัน...ไม่ใช่สิ ทุกวันเวลาเที่ยงคืน วัตถุประหลาดจะพูดว่า ‘ข้าคือเจ้าชายกื้ก ข้ามาจากดาววายไอซียูกื้กกื้ก’ จากนั้นก็จะเงียบไป เสียงนั้นดังพอที่จะปลุกให้นายหูลู่ตื่นได้ แม้ในบางวันที่หลับแล้ว
‘เจ้าชายกื้ก’ ( คิดว่าเขาทวนชื่อนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามากกว่าห้าสิบสองรอบ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ) เป็นเจ้าชายในตำนานไหนหรือไม่ เขาไม่ทราบ นอกจากการว่างงานอย่างเป็นวรรคเป็นเวรแล้ว เขาก็ไม่สนใจที่จะทำอะไรหรือรู้อะไรอย่างอื่นอีก มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาสงสัย
ความสงสัยไม่เกิดขึ้นในสมองของเขามานานมากแล้ว
เขาตัดสินใจมาพบดอกเตอร์ปัญหิในเย็นวันหนึ่ง หลังจากที่เก็บงำความโง่งมไว้เพียงลำพัง
บางครั้งเขาก็มีความคิดว่า ตัวเองไม่อยากถูกนำขึ้นไปบนดวงดาววายไอซียูกื้กกื้ก ของเจ้าชายกื้กอะไรนั่น เพราะไม่แน่ใจว่า ที่ดาวดวงนั้น จะมีภาวะว่างงานให้เขาเป็นหรือไม่ ซึ่งถ้าหากไม่ เขาคงเสียใจที่สุดในชีวิต
มันดีที่สุดแล้วกับการว่างงานอยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุข
...
เป็นเวลา 23.59 น. ตามนาฬิกาของดอกเตอร์ปัญหิ
“อีกนาทีเดียวครับดอกเตอร์” นายหูลู่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ขณะที่ดอกเตอร์ปัญหิพยายามทำหน้าตาให้เรียบเฉย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วก็ตื่นเต้นแทบหัวใจจะวายเหมือนกัน
“อีกสามสิบวินาที” ทั้งสองใจระทึก ก่อนที่ความเงียบจะชิงเข้าครอบครองพื้นที่
ใกล้เวลาแห่งความสมหวังเต็มทีแน่แท้
เก้า แปด เจ็ด หก ห้า สี่ สาม สอง...”
และแล้ว
ไร้ซึ่งเสียงใด ๆ
ดอกเตอร์ปัญหิแสดงท่าทางผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“คุณหลอกผมเล่นหรือ” เขาถามอย่างเอาเรื่อง
“ผมเปล่าดอกเตอร์ ไม่แน่ นาฬิกาของคุณอาจจะเดินเร็วเกินไป รออีกสักครู่เถอะ มันอาจจะพูดขึ้นมา”
“นาฬิกาผมถูกต้องเที่ยงตรงที่สุด ในดินแดนแห่งแสงแดดและสายลมนี้ อีกอย่าง คุณหมายความว่ายังไง ‘มันอาจจะพูดขึ้นมา’”
“เอ่--”
ราวกับเสียงดาวเคราะห์น้อยแหวกชั้นบรรยากาศ
“สาบานต่อหน้าหลอดทดลอง!” ดอกเตอร์ปัญหิตะโกน
“นี่ผมไม่ได้บ้าไปกับคุณใช่หรือไม่”
“รอก่อนดอกเตอร์ ใจเย็น ๆ ผมว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างที่ผิดพลาด”
“หูลู่...ผมให้เวลาคุณสามนาที ออกไปจากห้องผม อ้อ! พร้อมวัตถุบ้า ๆ นี่”
“อย่าเพิ่งครับ อย่าเพิ่งไล่ผม คุณก็รู้ ผมเป็นชายที่ว่างงานและขี้เกียจที่สุดในมณฑลของเรา”
“คุณก็เลยเอาเรื่องบ้า ๆ นี่มาล้อผมเล่น”
“เปล่า คือว่าไม่มีเรื่องใดที่ผมสนใจใคร่รู้ หากไม่ใช่เพราะวัตถุนี้เท่านั้น”
“มันพูดได้”
“ครับ”
“เมื่อเวลา 24.00 น. ของทุกวัน”
“ถูกต้อง”
“นี่เวลาเท่าไหร่?”
“เอ่อ...”
ทันใดนั้นเอง
“ข้าคือเจ้าชายกื้ก ข้ามาจากดาววายไอซียูกื้กกื้ก”
“ดอกเตอร์!!!” นายหูลู่ตะโกนเสียงดัง
ดอกเตอร์ปัญหิตะลึงกับเสียงนั้น เป็นเสียงที่เขาไม่คุ้นเคย และไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต ไม่ใช่เสียงคน ไม่ใช่เสียงสัตว์ ไม่คล้ายเสียงจักรกลใด ๆ
“เห็นมั้ย--”
“หยุด!” พร้อมยกมือห้าม
ก่อนจะพูดต่อ
“ผมรู้แล้ว ขอโทษด้วย”
หนุ่มร่างใหญ่หน้าตาสดชื่นขึ้นมาทันใดอย่างรุนแรง
“เอาหละ ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร หูลู่ คุณกลับบ้านไปก่อน ทิ้งวัตถุไว้ที่นี่ ผมจะรักษามันเท่าชีวิตของผม การพิสูจน์กำลังจะเริ่มและ...เรื่องนี้เป็นความลับ โอเค้! ราตรีสวัสดิ์”
“เอ่อะ...” นายหูลู่ถูกดันออกจากห้องทำงาน โดยที่ยังไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใด ๆ
...
“ว่าอย่างไรจูลี่ มีดวงดาวที่ชื่อ วายไอซียูกื้กกื้ก หรือไม่”
“ดิฉันพยายามแล้วค่ะ ไม่มีชื่อนี้อยู่ในสารบบ”
“ชื่อที่ใกล้เคียงที่สุดล่ะ”
“ดาวยูซีมี และดาวไอซีมาค่ะ รายละเอียดเกี่ยวกับทั้งสองดาวนี้ไม่มีค่ะ มีแค่ระยะห่างจากโลกของเรา และข้อมูลเกี่ยวกับการค้นพบและการตั้งชื่อเล็กน้อย”
จูลี่ หรือนางสาวจูลี่ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชื่อดวงดาวแห่งสถาบันอึกหลึก
“ว่าแต่ดอกเตอร์ไปเอาชื่อดาวประหลาดนี่มาจากไหนคะ”
“เอ่อ...คือ...ผมฝันน่ะ” ยิ้มกลบเกลื่อน
พร้อมบอกเหตุผล
“ก็เลยอยากรู้ว่าฝันเป็นจริงหรือเปล่า”
จูลี่หัวเราะในใจ
‘ท่าจะเก่งจนเป็นประสาทไปแล้ว’
...
“สำหรับตำนานใด ๆ เกี่ยวกับชื่อเจ้าชายกื้ก เห็นจะไม่มีนะคะ และชื่อดินแดนวายไปซียูกื้กกื้ก ก็ไม่เคยปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์หรือโบราณคดีใด ๆ ค่ะ” เจ้าหน้าที่บอกข้อมูลด้วยน้ำเสียงดัดจริตอย่างยิ่ง เธอพูดชื่อดินแดนวายไอซียูกื้กกื้กผิดเล็กน้อย
“แล้ววรรณคดีล่ะ”
“จุดนั้นดิฉันไม่ทราบค่ะ ต้องถามผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นอีกที”
“ขอบคุณครับ” น้ำเสียงดัดจริตไม่แพ้กัน
ชายร่างเล็กเดินราวกับถูกพายุพัดไปที่แผนกวรรณคดีแห่งชาติ
“ไม่มีค่ะ ชื่อประหลาดอย่างนี้”
‘เฮ้อ!’ เขาแอบถอนหายใจในใจ
ก่อนหน้าที่จะออกจากสถาบันอวกาศมาเดินร่อนไปตามแผนกต่าง ๆ เหล่านี้ เขาค้นหาสิ่งที่ต้องการในโลกไซเบอร์มาจนเครื่องคอมพิวเตอร์พังแล้วพังอีกไม่รู้กี่สิบครั้ง
ไม่มีชื่อเจ้าชายกื้ก หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องในคำพูดของวัตถุประหลาดนั้น ในสารบบใดเลย
...
“ข้าคือเจ้าชายกื้ก ข้ามาจากดาววายไอซียูกื้กกื้ก”
ไม่มีความตื่นเต้นเกิดขึ้นกับเสียงนี้อีกมากมายนัก
“บางที คำบางคำอาจจะเป็นคำในภาษาอื่นที่เราไม่รู้ก็ได้นะครับ” นายหูลู่ให้ความเห็น
“แต่เจ้าชายกื้กพูดภาษาเรา มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องพูดภาษาเราคำภาษาอื่นคำ” ดอกเตอร์ปัญหิแย้ง แม้ในใจจะนึกเห็นด้วยอยู่บ้าง
หากเป็นเช่นนั้น เขาต้องค้นหาทุกคำในประโยคดังกล่าวเป็นภาษาอื่น ยากเอาการเหมือนกัน สำหรับผู้อ่อนแอทางภาษาเช่นเขา
“ผมคิดว่า เรื่องนี้คงไม่ง่ายที่จะสืบเสาะด้วยกำลังของเราเพียงลำพังแล้วหละ” ดอกเตอร์ยอมรับในที่สุด
“ผมจะเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมของสถาบัน”
“แล้วแต่ดอกเตอร์เถอะครับ ผมขอแค่ให้ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างก็พอ” นายหูลู่กล่าว
เขาไม่ต้องการมากไปกว่านั้นจริง ๆ กับแค่การว่างงานที่มีอยู่ ก็มากมายแล้วสำหรับเขา
...
ห้องประชุม
บรรยากาศเงียบ ๆ ได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศครวญครางครือ ๆ เล็กน้อย
ทุกคนสีหน้าเคร่งเครียด เป็นองค์ประชุมที่พร้อมเพรียงและสมบูรณ์ที่สุดตั้งแต่กำเนิดสถาบันแห่งนี้มา
“คงไม่มีใครไม่ทราบและไม่ได้ยินเสียงเมื่อคืนนี้ และคาดว่าทุกท่านได้กลับไปใช้ความคิดรวมทั้งค้นคว้าข้อมูลอย่างถึงที่สุด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงบัดนี้ ผมอยากทราบความเห็นของแต่ละท่านว่าเป็นอย่างไรบ้าง” ประธานที่ประชุมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงและแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงผายลมที่ตัวเองเคยแอบกระทำบนรถไฟฟ้าตอนเจ็ดโมงเช้าเสียอีก เขานอนไม่หลับทั้งคืนตั้งแต่ได้ยินเสียงประหลาดนั่น ‘ข้าคือเจ้าชายกื้ก ข้ามาจากดาววายไอซียูกื้กกื้ก’ หน้าตาที่ปกติก็ดูเหมือนถูกภรรยาด่าห้าวันรวดโดยไม่ซ้ำประโยคเดิมอยู่แล้วนั้น หดหู่มากขึ้นอีกหลายสิบเท่า
“ดิฉันเสนอว่า อย่างไรเราก็ต้องนำเข้าเครื่องตรวจสอบค่ะ” นางสาวจูลี่เสนอ
“ผมคิดว่า ทำอย่างนั้นไม่ได้นะครับ เราแน่ใจได้อย่างไรว่า วัตถุพูดได้นั้น ไม่ได้มีอันตราย คุณรู้หรือไม่ เครื่องตรวจสอบจะต้องสแกนทุกอณูของวัตถุ หากมีการติดตั้งโปรแกรมทำลายล้างอย่างใหญ่หลวงเอาไว้เมื่อถูกสแกน พวกเรามิแย่หรือ” ที่ประชุมคนหนึ่งแย้ง
“แล้วคุณจะให้ทำอย่างไร”
ยังไม่ทันมีเสียงตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ผมได้ตรวจสอบกับหน่วยงานอื่น ๆ บ้างแล้ว” ดอกเตอร์ปัญหิพูดขึ้น
“ไม่มีชื่อ ดวงดาววายไอซียูกื้กกื้ก ในข้อมูลทั้งหมดของเรา” จูลี่แทรก
ชายร่างเล็กรีบกล่าวต่อ สีหน้าไม่พอใจอยู่ในระดับพอใช้ถึงปานกลาง
“ใช่ครับ และไม่มีชื่อ เจ้าชายกื้ก หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องเคยปรากฏอยู่บนหน้าตำราประวัติศาสตร์ โบราณคดี หรือวรรณคดีเล่มใด” สีหน้าภาคภูมิใจอย่างสูง
“มันเป็นมนต์ดำที่ทำขึ้นเพื่อเล่นงานใครบางคนหรือเปล่า” ใครบางคนพูดขึ้น เกิดเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ดังงึมงำ ๆ
“คุณโนงะ คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์นะครับ ไม่ใช่ไสยศาสตร์ คุณหมายความว่ายังไง ‘มนต์ดำ’”
“ใครจะไปรู้ล่ะคะ วัตถุประหลาดนั้น มันอาจจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยเวทมนต์ คุณก็รู้นี่ วัตถุที่ตกลงมาจากท้องฟ้าน่ะ จะต้องเป็นอย่างไรเมื่อเสียดสีกับชั้นบรรยากาศของโลก
วัตถุนี้อาจถูกส่งมาเพื่อทำร้ายหนุ่มเกียจคร้าน ทำให้เขาตาย ๆ ไปจากมณฑลของเราซะ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่นี่คงจะปลาบปลื้มใจไม่น้อยที่ไม่มีคนอย่างเขาอยู่
หรือมันอาจถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ พ่อมดหมอผีหรือผู้มีวิชาอาคมแก่กล้าสามารถที่จะปลุกเสกของเหล่านี้ได้ทั้งนั้น และ--”
“ไร้สาระ! นี่มันยุคไหนกันแล้ว เรามีวิทยาการก้าวล้ำมากมาย และมีเครื่องมือที่จะพิสูจน์อะไรได้อย่างเป็นรูปธรรม”
“แต่สิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ก็มีอยู่” โนงะไม่ยอมแพ้
“ขอความกรุณา!” ท่านประธานพูดขึ้นเสียงดัง
“ผมทราบว่าทุกท่านต่างมีความเชื่อ และมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง แต่การประชุมวันนี้ เราต้องการข้อสรุปว่า จะจัดการอย่างไรกับวัตถุประหลาดนั่น”
“ผมขอเสนอให้นำวัตถุนี้ไปทิ้งในอวกาศ”
“คุณแน่ใจหรือว่า นั่นจะไม่ทำให้เกิดอันตราย” เสียงคัดค้าน เป็นเสียงเดียวกับที่ปะทะคารมกับโนงะ
“ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นวัตถุที่พวกต่างดาวส่งมาเก็บข้อมูล เพื่อทำสงครามหรือยึดครองโลก”
“ยึดครองโลก!” ใครคนหนึ่งอุทานอย่างตกใจเต็มที่ ราวกับได้รับข่าวด่วนว่าสามีที่เพิ่งเสียชีวิตฟื้นคืนชีพขึ้นมา
“สงคราม...” หลาย ๆ คนรำพึงประสานเสียงกัน
“เรายังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวมีจริง”
“แต่มันกำลังจะมี!”
เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นในที่ประชุม
“เราควรทำลายมันซะ”
“มันก็เหมือนกับกรณีที่จะนำเข้าเครื่องตรวจสอบนั่นแหละ เสี่ยงมากที่จะทำอย่างนั้น โปรแกรมทำลายล้างหรือจำลองตัวเมื่อถูกทำลายอาจถูกติดตั้งไว้”
“ดิฉันเคยทราบมาว่า มีชนกลุ่มหนึ่งตั้งใจทำวัตถุประหลาดใด ๆ ขึ้นมา เพื่อกลั่นแกล้งคนอื่นหรือเรียกร้องความสนใจจากสังคม มันอาจจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าคะ”
“หรือมนต์ดำ” โนงะไม่ละความพยายาม
“งี่เง่า!!!” คู่อริสวนทันใด
บรรยากาศเริ่มตึงเครียด
“เอาหละครับ ตอนนี้ผมขอสรุปวิธีการที่แต่ละท่านเสนอมา เกี่ยวกับการจัดการวัตถุประหลาดนี้
หนี่ง นำเข้าเครื่องตรวจสอบ
สอง นำไปทิ้งอวกาศ
สาม ทำลายเสีย
มีท่านใดจะให้ความเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่ครับ”
ส่งให้หน่วยงานอื่น ๆ ตรวจสอบค่ะ”
“เรื่องนี้ต้องเป็นความลับนะครับ”
“เก็บไว้ก่อนค่ะท่านประธาน ดิฉันเสนอให้เก็บไว้ก่อน”
“ผมเห็นด้วยครับ” ดอกเตอร์ปัญหิพูด เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันเหมือนกัน
“มันอาจจะไม่มีอะไร หรือเป็นอะไรมากมายอย่างที่พวกเราคิด”
“และต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
...
จากนั้นไม่นานนัก
ข่าวเรื่องเจ้าชายกื้กถูกร่ำลือออกไปเป็นวงกว้างภายในเวลาอันรวดเร็ว
มนต์ดำ สงครามอวกาศ มนุษย์ต่างดาว ชายสร้างภาพ เรื่องหลอกลวง สถาบันเหลวไหล เรื่องไร้สาระ กลุ่มกวนเมือง โลกถูกทำลาย การแสวงหาโลกใหม่ อาเพศ อำนาจมืด ภูตผีปิศาจ เจ้าชายลึกลับ แม่มด ผู้ก่อการร้าย ภัยพิบัติ การกักตุนสินค้า การหยุดงาน การจุดธูปขอหวย การทำพิธีขับไล่วิญญาณร้าย ทำบุญเสริมดวงเมือง และอีกหลายหลากมากมาย
ผู้คนส่วนใหญ่ตกอยู่ในภาวะไม่แน่ใจ ระส่ำระสาย วุ่นวาย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นายหูลู่ถูกสัมภาษณ์ไม่เว้นแต่ละวัน เขาลำบากใจที่สุดในชีวิต ภาวะว่างงานได้อันตรธานไปจากชีวิตเสียแล้ว
ธัชชัย ธัญญาวัลย
สงวนลิขสิทธิ์
นิทานจัญไร ฉบับ E-book
มีให้ดาวน์โหลดแล้ว
อ่านเรื่องอื่น ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น