ซื้อ E-BOOK
![]() |
|
แรงเงา หรือ แรงโง่
รู้สึกเคือง ๆ ปวด ๆ ตามาได้ประมาณ
๓ วัน
วันนี้ดีขึ้นบ้าง
เพราะแฟนซื้อยาล้างตามาให้
สาเหตุก็มาแต่
สภาพแวดล้อมจากที่ทำงาน
ที่ทำให้ตาอักเสบ
ข้าพเจ้าไม่อยากไปหาหมอ
เพราะไม่ชอบ
นานมากแล้วที่ข้าพเจ้าไม่ได้ไปหาหมอเพราะเจ็บป่วย
ครั้งล่าสุดจำได้
คือไปหาหมอที่อนามัยของจุฬาฯ
ตอนเรียน ปี ๒
จากนั้นมาก็ไม่เคยไปหาหมอด้วยอาการเจ็บป่วยอีกเลย
ไปทีก็แค่ ไปขอใบรับรองแพทย์สำหรับทำบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น
เจ็บตาครั้งนี้
เป็นการเจ็บป่วยทางตา
ครั้งที่ ๒
ตั้งแต่จำความได้
ตอนแรกคือเป็นตาแดง
ตอนอยู่ ม. ๒
จากนั้นก็ไม่เคยมีโรคทางตาอีกเลย
นอกจากสายตาสั้น
ที่ต้องตัดแว่นอีตอนอยู่ ปี ๓
หลาย ๆ คนก็บอกให้ไปหาหมอ
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ไป
พอจะไป
อ้าว
ร้านหมอตา ปิด
แต่ด้วยสงสัยทุกสิ่งอย่างจะกลัวว่า
จะทำให้ข้าพเจ้าต้องไปพบกับบุคลากรที่ข้าพเจ้าไม่พึงประสงค์จะพบ
ตอนนี้อาการเจ็บตาก็เลยดีขึ้นบ้าง
ยังเคืองตาเล็กน้อย
เมื่อเช้าขับรถไปส่งแฟนทำงาน
ฟังวิทยุ รายการ เม็ด อะไรสักอย่าง
ที่มีดีเจปูเป้ กับคุณหนูดีจัดรายการ(?)
เขาพูดถึงเรื่อง แรงเงา
พูดตรง ๆ
ข้าพเจ้าไม่เคยดูเรื่องนี้เลย
และไม่คิดจะดู
เพราะข้าพเจ้าเลิกดูละครมานานแล้ว
คือไม่มีความรู้สึกสนุกสนานหรือสนอกสนใจในละครอีกต่อไป
อาจจะเรียกง่าย ๆ ว่า
เป็นโรคละครตายด้าน
หรือ
ตายด้านทางละคร (หลังข่าว-ก่อนข่าว ทั้งหมดทั้งสิ้น)
ข้าพเจ้ารู้สึกเสียเวลาในชีวิตเสียด้วยซ้ำ
ที่ต้องไปนั่งดูเขา "แสดงละคร"
อาจเป็นด้วยว่า
ในชีวิตข้าพเจ้า
มีผู้คนเข้ามา "แสดงละคร" เยอะแยะไปหมด
จนร่ำ ๆ จะ "เอียน"
และ เอียนมากเข้าไปทุกวัน ๆ
รายการ เม็ด อะไรนี่ข้าพเจ้าเคยฟังสองครั้ง (โดยบังเอิญ)
ครั้งแรกก็คือไปส่งแฟนทำงานเมื่อสัปดาห์ก่อน
ครั้งที่สองก็ครั้งนี้
ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า
ดีเจนี่ทำไมถึงเอาคุณหนูดีมาถามซะทุกเรื่อง
ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ
หนูดีตอบได้หมด
และสิ่งที่ (ข้าพเจ้าคิดเองว่า) คุณหนูดียึดถือมาตอบ
ก็คือ งานวิจัย
ดูเหมือนกับว่าชีวิตของผู้หญิงคนนี้
มีงานวิจัยเป็นสรณะ
ซึ่งก็ไม่รู้ว่า
งานวิจัยที่กล่าวอ้างนั้น
เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน
หรือแค่สักแต่ว่า
เข้ากับเรื่องที่วิจารณ์กันก็เป็นใช้ได้
หรืออื่นใด
หากสำหรับมันสมองระดับหนูดี
คงไม่มีใครสงสัยนัก
(แต่ข้าพเจ้าชอบสงสัย)
ส่วนเรื่องสรณะนี้ก็ไม่ว่ากัน
เพราะข้าพเจ้ายังมี พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ ได้เลย
คนอื่นจึงมีสิทธิ์ที่จะยึดเอาอะไรเป็นสรณะ
ก็ย่อมได้
และนับวัน
เดี๋ยวนี้ผู้คนยึดเอา
วิทยาศาสตร์ เป็นสรณะ กันมาก
อะไรที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้
ก็ว่าเขางมงายไปเสียหมด
คือ วิทยาศาสตร์ดีเลิศ
ตอบคำถามได้ทุกสิ่ง
พยายามอธิบายทุกสิ่งด้วยวิทยาศาสตร์
ซึ่งแท้แล้ว
มันเป็นอย่างนั้นได้จริงหรือ
พูดอย่างนี้
มันก็เข้าตัว
ที่ข้าพเจ้ายึดพุทธศาสนาเป็นสรณะนั้น
เพราะข้าพเจ้าคิดว่า พุทธศาสนา ตอบคำถามทุกอย่างได้จริงหรือ
แน่นอน
ในฐานะข้าพเจ้าเป็นข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าย่อมเชื่อว่า
ทุกอย่างในโลกนี้
พุทธศาสนา ตอบคำถามแก่ข้าพเจ้าได้
และข้าพเจ้าก็ไม่สนใจว่า
ใครจะว่าอย่างไร
เพราะนี่คือ ความเชื่อ ของข้าพเจ้า
และข้าพเจ้า
ก็ไม่สนใจ หากใคร ๆ จะเห็นต่าง
(รวมถึงคนอื่นที่คิดว่าลัทธิอะไรสักอย่างตอบทุกอย่างในชีวิตได้
แต่ข้าพเจ้าก็ชอบสงสัยและตั้งคำถาม)
แต่อย่ามาเถียงกับข้าพเจ้าก็แล้วกัน
เพราะข้าพเจ้ารำคาญ
ในรายการวิทยุที่กล่าวถึงนี้
เขาก็พูดถึงละครเรื่อง แรงเงา
ที่โด่งดังกันอยู่
ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันถึงประเด็นที่ว่า
"เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็ก"
"ไม่สร้างสรรค์สังคม"
ตามประสาพวกโลกสวย
คือ
อะไร ๆ ก็ไม่ดีไม่งามไปเสียหมด
นึกอยากจะเอา
"ความสุขของกะทิ"
ไปทำเป็นละคร
เปิดเช้า เปิดเย็น ให้ชมทุกวัน
จะได้ "สร้างสรรค์" กันให้เต็มที่
ไม่ต้องมีความแตกต่างทางความคิด
หรือความแตกต่างอะไรทั้งสิ้นในสังคม
มีพรรคการเมืองพรรคเดียวก็พอ
มีศิลปะแบบเดียว
ทุกสิ่งอย่างให้เป็นอันเดียวหมด
ใครแตกต่าง
ยิงทิ้งให้สิ้นซาก
เออ
555
ตอนท้ายรายการ
ก็ให้ผู้ชมโทรเข้ามาแสดงความคิดเห็น
เป็นผู้ชายคนหนึ่ง
เข้ามาพูดว่า
จริง
ไอ้ละครแรงเงาเนี่ย มันไม่ดี
มันเลว
เนี่ย ลูกเขาน่ะ เลียนแบบละครด้วย
ก็ฟัง ๆ ไป
ได้ความว่า
ลูกอายุ ๕ ขวบ
เลียนแบบละคร
ก็สงสัยว่า
แล้วทำไมลูกเลียนแบบละคร
ละครนี่มันออกอากาศดึกอยู่นะ
คุณเลี้ยงลูกยังไง
ให้ลูกอายุแค่ห้าขวบ ดูละครจำพวกนี้
ฟังไปก็ได้คำตอบว่า
แม่เด็ก (ก็คือเมียคนที่โทรเข้ามาเนี่ย)
ติดละครเรื่องนี้
ต้องดู
ดูไม่ทันก็ไปดูในไอโฟน
ลูกก็ดูด้วย
ข้าพเจ้าจึงคิดว่า
ต้นเหตุของปัญหาคงไม่ใช่ละครแรงเงาเสียแล้ว
เขาบอกว่า ตัวเขาไม่ดูละคร
อ้าว แล้วตอนเมียดูละครกับลูก
คุณทำอะไรอยู่
ถ้าไม่ทำอะไร
ก็ทำไมไม่พาลูกเข้านอน
เพราะนั่นมันก็ดึกแล้วนะ
หรือว่าโยนให้เมียเลี้ยงลูกคนเดียว
ตัวเองก็อ้างว่าทำงานเหนื่อย
แล้วพอเมียติดละคร แก้ปัญหาไม่ได้
ก็โยนปัญหาให้ละคร
คิด ๆ ไปก็ยิ่งเห็นว่า
เออ คนเรานี่ก็แปลก
ชอบโทษสิ่งนั้นสิ่งนี้
ไม่ดูตัวเอง
แถมเอาตัวเองมาประจานอีกต่างหาก
ประจานตัวไม่พอ
ประจานเมียด้วย
แฟนข้าพเจ้าฟังอยู่ด้วย
ก็ออกความเห็นว่า
แท้แล้ว
ปัญหาของผู้ชายคนนี้มีเพียงสิ่งเดียวก็คือ
โง่
โง่ตั้งแต่เลือกเมีย (แม่ของลูก) แล้ว
ว่าไปนั่น
(บางทีเขาอาจจะแค่ "พลาด" ก็ได้นะ ข้าพเจ้าแย้ง อิอิ)
อืม
ข้าพเจ้าก็ควรพิจารณาตัวเอง
ข้าพเจ้าโง่หรือเปล่า
แล้วแฟนข้าพเจ้าล่ะ
โง่ไหม
555
ที่พิจารณานี่ไม่ใช่อะไร
คือ ถ้าเราโง่กันมาก
ก็ควรเลิกกัน
หรือไม่ก็ไม่ควรมีลูก
เดี๋ยวลูกจะเลียนแบบละครทีวี
[เกิดมาในสังคมอัปรีย์ (แบบที่พวกโลกสวยเขาว่า)]
แล้วชีวิตมันจะยุ่ง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๕
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น