Gallery แรกของข้าพเจ้า
ที่ WPO- World Photography Organisation
คลิกที่ลิ้งค์ข้างล่าง
28 Years of Solitude - World Photography Organisation
หรือไม่ก็
คลิกที่นี่
รวมภาพ อันเกี่ยวเนื่องกับความโดดเดี่ยว
บางภาพนั้น
ข้าพเจ้ารู้สึกว่า
มันคือความโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง
มีภาพหนึ่ง
เป็นภาพเสาไฟฟ้าที่หน้าบ้าน
มันนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้
ที่เสาไฟฟ้าต้นนี้เกิดขึ้น และตั้งอยู่
แต่ที่แน่ ๆ
มันทำให้ข้าพเจ้านึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก
สมัยข้าพเจ้ายังเด็กมาก ๆ นั้น
บางบ้านที่ถัดไปจากบ้านข้าพเจ้า
ยังไม่มีไฟฟ้าใช้เลย
ทั้งนี้
ไม่รู้เป็นเพราะว่า
เขากลัวความเปลี่ยนแปลง
หรือว่า
เสาไฟไปไม่ถึง
และเสาไฟฟ้าที่ซอยบ้านข้าพเจ้าเมื่อก่อน
หาได้มีหลอดไฟติดอยู่เช่นนี้ไม่
ข้าพเจ้าจำได้
มีบทหนึ่ง
ในหนังสือมานี มานะ
ที่บ้านของปิติมีไฟฟ้าเข้าไปถึง
เขาดีใจใหญ่
และเพื่อน ๆ (หรือครูก็ไม่ทราบ)
บอกว่า
ดีมากเลย
เพราะจะได้อ่านหนังสือ
ทำการบ้านเวลากลางคืนได้สะดวก
สมัยก่อนไฟฟ้าแถวบ้านข้าพเจ้าดับบ่อยมาก
เรียกว่า
อะไรนิดหน่อยก็ดับ
ไฟดับ
ภาษาบ้านข้าพเจ้าเรียกว่า
"ไฟตาย"
ให้ความรู้สึกถึงโวหารภาพพจน์แบบบุคลาธิษฐานได้ดียิ่ง
ถ้าไฟติดแล้ว
เขาก็ว่า
"ไฟมา"
ไม่ได้เรียกว่า "ไฟเกิด"
เสาไฟฟ้าจะติดหลอดไฟฟ้าเสาเว้นเสา
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
มันเคยเสียบ้างหรือไม่
ไอ้หลอดไฟที่อยู่ตามเสาไฟนี่น่ะ
แล้วมันดับแล้ว
ใครเป็นคนไปแจ้งซ่อม
หรือว่า
การไฟฟ้าเขามาซ่อมเอง
ความจริงแถวบ้านข้าพเจ้าไม่มีความจำเป็นต้องมีไฟฟ้าตามเสานัก
เพราะแต่ละบ้านไม่ไกลกัน
และบางบ้าน
ก็นิยมติดหลอดไฟไว้หน้าบ้าน
เช่น บ้านข้าพเจ้าเป็นต้น
เราก็มักเปิดไฟเอาไว้
ส่องทางให้ผู้คนที่อาจเดินผ่านไปมา
ซึ่งแท้แล้ว
คนบ้านนอก
ก็ไม่ค่อยผ่านไปมากันดึกเท่าไหร่
ยิ่งหน้าทำนา
เขาก็ปิดไฟนอนกันแต่หัวค่ำ
บ้านตรงข้ามก็ไม่ห่างกัน
เปิดไฟหน้าบ้านไว้เสีย
ก็เรียบร้อย
แต่แท้กว่านั้นอีก
เดี๋ยวนี้
บ้านข้าพเจ้าต้องเปิดไฟเอาไว้
เพราะเอาไว้รับซื้อของ
ที่ชาวบ้านจะเอามาขายให้
เพื่อที่แม่จะเอาเข้าไปขายในตลาดใหญ่อีกต่อ
เรียกง่าย ๆ ว่า
แม่่ข้าพเจ้า
เป็นแม่ค้าคนกลางไปเสียแล้วในตอนนี้
อนึ่ง
หมู่บ้านของข้าพเจ้า
ไม่มีโจรลักขโมยอะไร
จะมีก็แต่มหาโจรงาบงบทำถนนเท่านั้น
เวลาไฟดับ
บ้านข้าพเจ้าก็จุดตะเกียง
เป็นตะเกียงทำเอง
แต่ก่อนตะเกียงใช้น้ำมันก๊าด
หลัง ๆ มาใช้น้ำมันดีเซล
ไม่ใช้เบนซิน เพราะมันไวไฟเกินไป
น้ำมันดีเซล แถวบ้านข้าพเจ้าเรียก
น้ำมันโซล่า
ใช้จุดไฟได้ดีนักแล
หากข้าพเจ้านั้น
ไม่ชอบตะเกียงเท่าไหร่
เพราะเหม็นน้ำมัน
ชอบเทียนไขมากกว่า
แต่ที่ชอบที่สุดคือ
กลิ่นไม้ขีดไฟตอนที่ไฟมันกำลังจะติด
รู้สึกหอม ๆ เข้าท่า (ไม่พูดว่าหอมดี เพราะ หอมดี เป็นคำไม่สุภาพ)
เรื่องเทียนไขนี้
ถ้าจุดแล้วอย่าเอาหน้าเข้าไปใกล้ไฟ
เพราะมันจะเป็นเขม่า
หรือแม้แต่ตะเกียงก็เหมือนกัน
จำได้คลับคล้ายคลับคลา
เรื่องแก้วจอมแก่น หรือแก้วจอมซนไม่ทราบ
แก้ว มันเอาตะเกียง หรือเทียนไขนี่แหละ
ไปทำการทดลองวิทยาศาสตร์แทนตะเกียงแอลกอฮอล์
เพราะไม่มีตะเกียงแอลกอฮอล์
อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็เลยจับเขม่าดำหมด
คนเขียน (ที่จริงต้องเรียกท่านที่ทรงพระนิพนธ์) ก็บอกว่า
แทนที่จะดูเหมือนนักวิทยาศาสตร์
กลายเป็นเหมือนอาจารย์คง มากกว่า
555
ท่านช่างเปรียบเทียบ
อันนี้เป็นข้อขำอยู่เหมือนกัน
ที่ว่าอย่าเอาหน้าเข้าไปใกล้เทียนหรือตะเกียงพวกนี้
เพราะเขม่านี่แล
มันจะทำให้หน้าดำ
หรือแถว ๆ รูจมูกดำได้
หมู่บ้านข้าพเจ้า
ถ้าใครรูจมูกดำ
เขาจะว่า
เป็น "ผีเป้า"
555
เรื่องผีเป้านี้เอาไว้เล่าคราวหลัง
แท้แล้วเรื่องในวัยเด็กข้าพเจ้าสนุกสนานมาก
ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับความโดดเดี่ยวอะไรเลย
แต่ว่านั่นแหละ
ยิ่งรื้อฟื้นเรื่องราวอันเป็นสุขขึ้นมามากเท่าไหร่
ความโดดเดี่ยวทั้งมวล
ก็เหมือนจะดูมากขึ้น ๆ
อย่างยิ่งถ้าเทียบกับตอนนี้แล้ว
จะหาช่องว่างออกจากความโดดเดี่ยวที่หุ้มอยู่
ช่างยากเย็น
และเยียบเย็น
๑๒ มกราคม ๒๕๕๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น