"โชคดีที่มีจินตนาการคั่นระหว่างความบังเอิญกับความลี้ลับ
จินตนาการคือสิ่งเดียวที่ปกปักเสรีภาพของเรา
ท่ามกลางความเป็นจริงที่ว่า ผู้คนพยายามบั่นทอนเข่นฆ่ามันให้สูญสิ้น"
หลุยส์ บูนเญล ได้กล่าวไว้
ปรากฏในหนังสือ Fantastic Art ของ สนพ. TASCHEN
ว่าด้วยศิลปะแบบฟุ้งฝัน ซึ่งพอจะบอกแก่นแกนได้ว่า
"ศิลปะแฟนตากติกคือตัวแทนของจิตใต้สำนึก เป็นความเข้าใจ
เพื่อให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริง
ในขณะที่ศิลปะตามมาตรฐานดั้งเดิมคือตัวแทนสำหรับพฤติกรรมแบบมีสัมปชัญญะ"
แฟนตากติก พัฒนาคู่กันมากับทฤษฎีทางจิตวิทยาของฟรอยด์
แท้จริงแล้ว แฟนตาสติกน่าจะมีมานานแล้ว (ในแง่ของนามธรรม)
แต่สิ่งที่รองรับแฟนตาสติกได้ หรือสามารถอธิบายสิ่งเหล่านี้ได้
เป็นทฤษฎีทางจิตวิทยาของฟรอยด์
เมื่อมีหลักการรองรับ
ศิลปะแบบฟุ้งฝันจึงฟุ้งกระจายไปทั่วแผ่นดิน
เราต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้ Fantastic ก็ไม่เคยตาย
ยังอยู่คงกระพันท้าทายผู้คนอยู่เสมอมา
และก็มีศิลปินรังสรรค์ผลงานแบบแฟนตาสติกออกมาสู่สายตาประชาชนอยู่เรื่อย ๆ
"สิ่งมหัศจรรย์ของความฝันคือ ไม่มีสิ่งที่เป็นความฝัน ทุก ๆ อย่างคือความจริง"
อองเดร เบรตอง ว่าไว้เช่นนี้
เป็นคำพูดชวนให้คิดว่า ถ้าเรากลับข้างกันจะเป็นอย่างไร
"สิ่งมหัศจรรย์ของความจริงก็คือ ไม่มีสิ่งที่เป็นความจริง ทุก ๆ อย่างคือความฝัน"
อันนี้ข้าพเจ้ากล่าวเอง
'The Sin'
FRAVZ VON STUCK
สีน้ำมันบนผ้าใบ, 94.5x59.5 ซม.
ธัชชัย ธัญญาวัลย
30 03 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น