ซื้อ E-BOOK
![]() |
|
พระพุทธเจ้าเคยเสวยพระชาติเป็นนักบินอวกาศบ้างหรือไม่
ว่าจะกล่าวถึงบางเรื่อง
แต่ก็งดไว้เสียไม่กล่าวจะดีกว่า
อันเนื่องมาจากความขี้เกียจเป็นส่วนมาก
อนึ่ง
เรื่องบางเรื่องสามารถบอกกล่าวแก่สาธารณชน
เรื่องบางเรื่องควรบอกเฉพาะญาติพี่น้อง
บางเรื่องควรบอกเฉพาะสามี/ภรรยา
และบางเรื่อง ไม่ควรบอกใครเลย
มีอยู่ข้อหนึ่ง
ที่ข้าพเจ้าเคยสงสัย
และได้รับคำตอบแล้ว
แม้จะไม่ครบถ้วน
นั่นก็คือ
เหตุใดในชาดก
พระพุทธเจ้าจึงเกิดแต่ในสมัยที่มีพระราชา
หรือบางทีก็คิดว่า
ทำไมพระพุทธเจ้าเกิดเมืองพาราณสีบ่อยจัง
หรือเกิดเป็นอาชีพอะไร ๆ ที่บางครั้งเรานึกสงสัยว่า
พระพุทธเจ้าไม่เคยเกิดเป็นอย่างเรา ๆ
หรืออย่างที่เราคุ้นเคยกันบ้างหรือ
เช่น เกิดเป็นนักวิทยาศาสตร์
เกิดเป็นนักบิน หรือนักบินอวกาศ
เกิดเป็นประธานาธิบดี
หรือเกิดเป็นพนักงานธนาคาร
เป็นนักเขียน เป็นนักลงทุน ฯลฯ
หรืออะไรอย่างนี้
เพราะจะว่าไป
พระพุทธเจ้าก็เกิดเป็นต่าง ๆ มามาก
ทั้งเป็นคนเป็นสัตว์
เป็นคนมั่งมี หรือเป็นขอทาน ก็เคยเกิด
ยิ่งสมัยยังไม่ได้พยากรณ์ยังเคยเกิดแม้ในนรกนั่นทีเดียว
คิดไปคิดมา
คิดเล่น ๆ
นึก ๆ ดู
ก็น่าจะอนุมานได้ว่า
ความจริงพระพุทธเจ้าก็คงเคยเกิดเป็นอาชีพต่าง ๆ ดังว่ามา
แต่เนื่องมาจาก
ในอินเดียสมัยนั้น
ความคิด ความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม
ความเป็นอยู่ ภูมิประเทศ และอะไรต่าง ๆ ทั้งหมดสมัยพุทธกาล
เป็นอย่างนั้น
จึงเวลาที่พระพุทธองค์ทรงสอนผู้หนึ่งผู้ใด หรือเหล่าหนึ่งเหล่าใด
ก็จะทรงยกเฉพาะที่ชนเหล่านั้นเข้าถึงมากที่สุด
เรียกเป็นภาษาแบบเรา ๆ ว่า "อิน" ที่สุด
เห็นภาพตามที่สุด
เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุด
นี่จึงเป็นคำตอบว่า
ทำไมชาดกจึงมีอยู่แค่นั้น
เอาจริง ๆ ถ้าจะเล่าให้หมด
ก็คงต้องใช้เวลาเท่ากับทั้งหมดที่เวียนว่ายตายเกิดมา
ซึ่งก็ไม่เป็นประโยชน์อันใด
และจะหาใครที่ไหนมาฟังเรื่องราวทั้งหมดนั้นได้
จึงนึกถึงพุทธพจน์ที่ว่า
ธรรมะที่ทรงสอนนั้น มีเพียงเท่ากับใบไม้กำมือเดียวเท่านั้น
ส่วนที่พระองค์ตรัสรู้ มีมากเกินประมาณ เหมือนใบไม้ในป่า
พระธรรมเท่าที่แสดงไว้
ก็เพียงพอต่อการบรรลุธรรมของผู้แสวงหาได้
อย่างนี้ก็เป็นคำตอบได้ว่า
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง
เคยเกิดขึ้นแล้วซ้ำ ๆ เป็นมาซ้ำ ๆ
และหมุนวนไปไม่มีที่สิ้นสุด
หาต้นหาปลายได้ยากนัก
ธัชชัย ธัญญาวัลย
๓ เมษายน ๒๕๕๖
๓๔๕๖
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น