ซื้อ E-BOOK
![]() |
|
ไทยซื้อเหล็ก เจ๊กซื้อดิน
ระหว่างทางเดินตามครูบาอาจารย์ไปบิณฑบาต
ข้าพเจ้าได้มีโอกาสสนทนาวิสาสะหลายเรื่อง
พระป่า อยู่ป่า จะไม่รู้เรื่องในเมืองก็หาไม่
จะไม่รู้เรื่องโลกก็หาไม่
ตามธรรมดาพระอรหันต์นั้น
ท่านสำเร็จกิจที่พึงกระทำแก่ตนแล้ว
ท่านก็ทำประโยชน์แก่ผู้อื่นตามกำลังของท่าน
มากน้อยตามบารมีของแต่ละท่านละองค์ไป
เรียกว่า พระอรหันต์จะทิ้งโลกนั้น ไม่มีเลย
เพราะอำนาจแห่งเมตตากรุณาแก่สัตว์โลก
หลาย ๆ คราวได้ข้อคิดข้อวัตรปฏิบัติจากท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ก็ตอนที่ท่านเดินไปบิณฑบาต
ธรรมเนียมวัดป่านาคำน้อยนั้น
เวลาเช้า
จะเดินจากวัดไปรวมกันอยู่ใกล้ ๆ หมู่บ้าน
เรียงแถวตามลำดับอายุพรรษา
แล้วจึงเดินเข้าบิณฑบาตในหมู่บ้าน
ตามลำดับบ้าน ๆ ไป
ระยะทางจากวัดสู่จุดรวมพลนี้เอง
เป็นระยะเวลาที่ข้าพเจ้าได้สนทนากับครูบาอาจารย์
นอกจากเวลาที่ได้กราบเรียนถามท่านในโอกาสพิเศษ
ซึ่งอันนั้นเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่ง
ส่วนหลวงพ่อนั้น มีเวลาเฉพาะตอนบ่ายหากจะสนทนา
เพราะตอนเช้าท่านแขกเยอะ
"ไทยซื้อเหล็ก เจ๊กซื้อดิน"
ครูบาวิทย์ท่านว่า
ข้าพเจ้าก็พิจารณาตาม
ท่านให้อรรถาธิบายต่อ
ไทยซื้อเหล็กนั้นแปลว่า ซื้อรถนั่นเอง
คือซื้อรถต่าง ๆ เอาเฉพาะชาวบ้านก็ได้
คือซื้อรถมอเตอร์ไซค์บ้าง รถกระบะบ้าง รถไถนาบ้าง
ส่วนเจ๊กซื้อดิน นั้นหมายความถึงซื้อที่ดิน
เหตุของเรื่องก็มาแต่เรื่องสนทนากับท่านเรื่องที่ดินเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านแถบนั้น
ซึ่งได้กลายไปเป็นสวนยางพารากันมาก
และสนทนากันเรื่องความยากจนและความร่ำรวยของผู้คน
ข้าพเจ้าได้สอบถามถึงความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ
ท่านว่า เจ้าหน้าที่รัฐทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการพลเรือนก็ตาม นักการเมืองก็ตาม ทหารก็ตาม ตำรวจก็ตาม หรืออื่น ๆ ก็ตาม
มีการทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่มาก
เป็นเหตุให้ประเทศชาติพัฒนาได้ช้า
เมื่อเทียบกับบางประเทศทั้งที่เขามีทรัพยากรต่าง ๆ น้อยกว่าเรา
อันนี้ข้าพเจ้าก็เล่าตามที่ได้ฟังมา
พูดถึงเรื่องที่ดิน สปก. ที่ห้ามซื้อขาย
ความจริงก็มีการซื้อขายกัน
ทั้งที่แนวทางของรัฐนั้น
ต้องการให้ชาวบ้านมีที่ทำกิน
ไม่ให้ขาย
แต่ให้โอนจากบิดาสู่บุตร หรือจากพ่อแม่สู่ลูกได้
หรือเรียกง่าย ๆ ว่า โอนเป็นมรดกแก่ทายาทได้นั่นเอง
แต่ในทางปฏิบัติมันก็หาเรื่องยักย้ายถ่ายขายกันจนได้
ซึ่งชาวบ้านแทนที่จะได้มีที่ดินทำกิน
มีมรดกอะไรกับเขาบ้าง
ก็ตกไปอยู่ในมือนายทุนเสียหมด
อันนี้คือเหตุที่ทำให้ท่านพูดถึงเรื่อง
"ไทยซื้อเหล็ก เจ๊กซื้อดิน"
บางคนอาจจะสงสัยว่า
ข้าพเจ้าไปหาถามอะไรซอก ๆ แซก ๆ กับพระเรื่องทางโลก
555
ความจริงแล้ว
ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นนี้
ถามหมดแหละ
และระยะการทางการไปบิณฑบาตนี้
เป็นระยะทางก็ไกลพอสมควร
เดินด้วยเท้าเปล่า
ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลาย
พูดคุยเรื่องเบา ๆ
แต่แท้แล้วในทางโลกก็มีธรรมะ
และธรรมะก็ต้องเอามาใช้ให้หลุดโลก
ไล่เรียงมาตั้งแต่ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวก
ครูบาอาจารย์ ท่านก็สนทนาเรื่องโลก
ตอบปัญหาเรื่องโลก ตามสมควรแก่กาละ
จะว่าไปแล้ว
ทางธรรมะข้าพเจ้าก็ได้ซักถามจนเป็นที่พอใจแล้วนั่นเอง
ไม่มีอะไรที่ข้าพเจ้าอยากถามอยากทราบแล้วยังไม่ได้ถามไม่ได้ทราบ
เอาง่าย ๆ ว่า เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หยุมหยิมเกี่ยวแก่การปฏิบัติธรรม
เกี่ยวกับภูมิธรรมขั้นต่าง ๆ ข้าพเจ้าถามมาจนสิ้นแล้ว
แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่า
ข้าพเจ้ารู้หมด
หรือจำได้ทั้งหมด
ธรรมะนี้แปลกอย่างหนึ่ง
รู้ก็เหมือนไม่รู้
ไม่รู้ก็เหมือนรู้
บางอย่างมันก็ซึมซาบอยู่อย่างนั้น
ถึงเวลาออกตอนไหนก็ออกตอนนั้น
ไม่ได้มีติดตัดขัดข้องอันใดเลย
ธรรมาทิตย์
๒๘ เมษายน ๒๕๕๖
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น